www.poolservice/blackholepoolphuket.com
pool service
วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2554
สระว่ายน้ำ อย่างมือ อาชีพ
Algaecide เป็นสารเคมีที่ ใช้ในการกำจัดตะไคร้น้ำ น้ำขุ่นเขียว การใช้ algaecide ต้องใช้อย่างระมัดระวัง ถ้าใช้กับบ่อปลาหรือพืชน้ำจะเกิดความเสียหายได้ ถ้าใช้ไม่ถูกต้อง และใช้ในปริมาณที่มาก สารพวก algaecide มีสวนผสมของ Coco alkyl di methyl benzyl ammonium chloride ซึ่งเป็นสารเคมีที่ลด ออกซิเจนในน้ำ การใช้ algaecide ควรจะอ่านวิธีการใช้ของบริษัทผู้ผลิตให้เข้าใจเสียก่อน เช่น pool trine BKC
Stain trine
เป็นสารเคมีที่ใช้ในการกำจัดพวกตะกรันและคราบหินปูนที่ติดตามขอบสระว่ายน้ำ นอกจากนี้ยังช่วยลดไอออนของพวกโลหะต่างๆ ใช้ในการแก้ปัญหาน้ำเหลื่องที่เกิดจากน้ำสนิมเหล็ก หรือช่วยลดตะกรันในหม้อต้ม และตะกรันที่เกาะติดอยู่ที่ Membrane ของเครื่องผลิตน้ำดื่ม RO โดยปริมาณการใช้ให้ใช้ตามจำนวนของบริษัทผู้ผลิตได้แนะนำเอาไว้
น้ำยาตกตะกอน(Flock)PolyAluminiumChlorine
เป็นสารเคมีที่ใช้ให้สารแขวนลอยต่างๆ ตกตะกอน ใช้ในกรณีกำจัดสารแขวนลอยต่างๆที่อยู่ในสระว่ายน้ำให้ตกตะกอน เช่น ในกรณีที่น้ำขุ่นเขียว การใช้สารเคมีประเภทนี้ต้องระมัดระวังในการใช้เพราะเป็นสารเคมีที่อันตรายต่อร่างกายมนุษย์ ควรจะใช้กรณีที่น้ำขุ่นเขียวนานๆครั้งไม่ควรจะใช้บ่อยๆหรือเป็นประจำอีกทั้งยังทำให้ทรายที่อยู่ในถังกรองทรายจับตัวเป็นก้อนและทรายจะจับตัวแน่น ทำให้ถังกรองอุตตันได้ง่ายและประสิทธิภาพของถังกรองจะน้อยลง อาจเกิดความเสียหายกับถังกรองได้ ในช่วงที่มีการใช้น้ำยาตกตะกอนให้เราเพิ่มความถี่ในการ Back wash ให้มากขึ้น
การใช้น้ำยาตกตะกอน ให้เราเติม 1 ลิตร ต่อน้ำสระน้ำ 50 m3 ถ้าตะกอนแขวนลอยมากเกินไปให้เราเติม 1.5 -2 ลิตร ต่อน้ำ 50 m3 ให้เราเติมตอนเย็น อย่าให้สารตกตะกอนผ่านถังกรองโดยปรับวาล์วของหัวmultiport valve ไปที่ recirculation แล้วปรับปั๊มให้ทำงานประมาณ 3-4 ชั่วโมง ไม่ควรจะเติมน้ำยาตกตะกอนตอนเช้าเพราะเมื่อโดนแดดแล้วจะทำให้ตะกอนลอยขึ้นบนผิวน้ำ และประสิทธิการทำงานของน้ำยาตกตะกอนก็จะไท่ดีด้วย
ปัญหาของสระว่ายน้ำ
เกิดตะไคร้น้ำจุดดำๆในสระว่ายน้ำ(Black spots)
สาเหตุที่เกิดจุดดำๆตามรองยาแนวของสระว่ายน้ำอันเนื่องมาจาก ค่า Free chlorine หรือสารเคมีที่ใช้ในการฆ่าตะไคร้น้ำและเชื้อต่างๆมีความเข้มข้นไม่พอ เช่น เราปล่อยให้ค่า Free chlorine อยู่ในสระว่ายน้ำแค่ 0.2 – 0.5 ppm เป็นเวลาหลายๆวัน ตะไคร้พวกพวกนี้จะรวมตัวกันเป็นจุดเล็กไปเกาะตามร่องยาแนวที่ค่า Free chlorine ไม่ทั่วถึ่ง บริเวณที่ลึกๆของสระว่ายน้ำ ตามขอบทรายล้างของขอบๆสระว่ายน้ำ
วิธีการแก้ไข
ให้เราเติมคลอรีนให้ได้ค่าFree Chlorineอยู่ในช่วง 5– 10 ppm สัก 2-3 วัน ในขณะเดียวกันให้เราแปรงคัดตามจุดดำๆ ให้จุดดำๆออกให้หมด จากนั้นรักษาระดับค่า Free chlorine ให้ได้ 3-5 ppm อีกประมาณ 1-2 อาทิตย์ เพื่อให้จุดดำๆ ไม่ปรากฏออกมาอีก จากนั้นค่อยๆลดค่า Free chlorine ให้เหลือ 1-3 ppm หรืออาจใช้สารเคมีอื่นๆในการกำจัดจุดดำๆพร้อมๆกับคลอรีน เช่น pool trine cupper sulfate น้ำยาVIP น้ำยา OK แต่ให้ระวังอย่าให้เด็กๆเล่นน้ำในขณะที่เติมสารเคมี ถ้าเป็นสระว่ายน้ำที่มีเครื่องผลิตคลอรีนแบบอัตโนมัติ ให้เราปรับค่าผลิตคลอรีนให้สูงขึ้นหรืออาจเพิ่มชั่วโมงการทำงานให้มากขึ้น พร้อมๆใช้สารเคมีตัวอื่นควบคุมไปด้วย หรือเพิ่มตัว stabilizer ให้สูงขึ้น
น้ำขุ่นเขียว
สาเหตุ
1.เกิดจากขาดค่า Free chlorine ในสระน้ำ
2.เกิดจากค่าความสมดุลของน้ำไม่ได้มาตรฐาน
3.เกิดจากมีตะกอนสารแขวนลอยมากเกินไปร่วมถึงไอออนต่างๆจากการเติมสารเคมี เช่น CO3-
4.เกิดจากแหล่งเติมที่เติมน้ำมีสารแขวนลอยสูงและไอออนต่างๆสูง
1.ถ้าเกิดจากขาดค่า Free chlorine ในสระน้ำ
วิธีการแก้ไข
ให้เราทำการ Shocks ด้วยคลอรีน โดยการเติมคลอรีนให้ได้ค่า 30 ppm โดยให้เราเติมคลอรีนผงหรือคลอรีนน้ำก็ได้ คือ ทำให้ค่าคลอรีนสูงขึ้นโดยทั้งที่ทันใด เพื่อให้คลอรีนทำปฏิกิริยากับสารแขวนลอยทั้งหมด รวมทั้งฆ่าเชื้อและตะไคร้น้ำทั้งหมด โดยการเปิดปั๊มสระว่ายน้ำให้นานขึ้น ขณะที่เติมคลอรีนให้เราทำการแปรงสระว่ายน้ำให้ทั่วสระ และทำการback wash ถ้าเป็นกรองทรายและทำการล้างผ้ากรองถ้าเป็นกรองผ้าที่ใช้ผงกรอง
2.เกิดจากความสมดุลของน้ำไม่ได้มาตรฐาน
วิธีการแก้ไข
ซึ่งกรณีแบบนี้ น้ำสระว่ายน้ำเดียวดีเดียวร้ายถ้าคนไม่ประสบการณ์จะคุมยาก ตามที่กล่าวมาแล้วค่ามาตราฐานของสระว่ายน้ำสากล กำหนดให้มีค่าที่ดีนั้นต้องประกอบด้วย
ค่า pH อยู่ในช่วง 7.2 - 7.8
ค่า free chlorine 1 - 3 ppm
ค่าความเป็นด่างทั้งหมด(Total Alkalinity) 60 – 120 ppm
ค่าความกระด้าง(Calcium hardness) 150—300 ppm
ถ้าเป็นสระว่ายน้ำที่มีเครื่องผลิตคลอรีนแบบอัตโนมัติ ค่าต่างๆก็เหมือนกันแต่จะเพิ่มอีก 2 ค่า คือ ค่า ความเข้มข้น ตัว stabilizer ประมาณ 50 – 80 ppm และค่าความเข้มข้นของเกลือซึ่งขึ้นอยู่กับเครื่องผลิตคลอรีนแต่ละแบบแต่ละยี่ห้อค่าความเข้มข้นของเกลือไม่เหมือนกัน ณ.ที่ใช้อยู่ตอนนี้อยู่ที่ประมาณ 2500- 6000 ppm
ให้เราทำการ ทดสอบค่าต่างๆทุกค่า แล้ว คอยๆปรับค่าต่างๆโดยให้ดูจำนวนการเติมสารเคมีแต่ละอย่างในภาคผนวกของหนังสือ
3. กรณี มีตะกอนแขวนลอยมากเกินไปรวมถึงไอออนต่างๆสะสมมากขึ้นจากการเติมสารเคมี
ซึ่งส่วนใหญ่สระว่ายน้ำที่มีการเติมคลอรีนเป็นประจำไม่ว่าจะเป็นคลอรีนก้อนหรือคลอรีนผงส่วนใหญ่เป็นส่วนผสมของ แคลเซียมไฮโปคลอไรท์ อยู่ หรือ ไม่ก็ ไตรคลอโรไซยานูริก แอซิด ซึ่งเมื่อใช้สารเคมีเหล่านี้เป็นเวลานาน จะมี ไอออนของ Ca2+ มากขึ้น และค่าของ cyanuric acid จะมีค่าในสระว่ายน้ำมากขึ้น เป็นผลให้จะเกิดคราบตะกรันและหินปูนได้ง่าย
ดังสมการ
Ca2+ + CO2-3 → CaCO3
เมื่อไอออนของ Ca2+ สูงขึ้นทำให้คลอรีนทำปฏิกิริยามากขึ้นประสิทธิภาพการทำงานของคลอรีนต่ำลง ถึงแม้เราเราจะ test ค่า free chlorine กับ ค่า pH มีก็ตาม แต่น้ำจะขุ่นและเขียวบ่อย
วิธีการแก้ไข
ให้เราทำการเติม โซดา แอช อย่างต่อเนื่องเพื่อไอออนของ แคลเซียมจับตัวกับคาร์บอเนต ให้ตกตะกอน ซึ่งจะไปติดที่ถังกรองแต่ถ้าสระว่ายน้ำไม่ได้มีการเติม โซดาแอช เป็นเวลานาน เมื่อเติม โซดาแอช น้ำจะขุ่นขาว ให้เราทำการเติมโซดาแอชอย่างต่อเนื่อง พร้อมๆกับ เช็ค ค่า pH ของน้ำ โซดาแอชที่เติมลงไปต้องมากเกินพอเพื่อทำปฏิกิริยาอย่างสมบูรณ์ตกตะกอนเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต เติมจนกว่าเมื่อเติมโซดาแอชแล้วจะไม่มีตะกอนขุ่นขาวอีกในสระน้ำ ควรจะเติม โซดาแอชลงไปที่ รางระบายน้ำหรือไม่ก็ใน Surge tank
กรณีที่4 จากแหล่งน้ำที่เติมมีสารแขวนลอยและไอออนต่างๆสูง
วิธีการแก้ไข
ให้เราเอาน้ำที่เติมลงไปในสระน้ำทำการ Test ทดสอบหาค่า ต่างๆ เช่น หาค่าความกระด่างของน้ำ หาค่าสนิมของน้ำ หาค่าความเป็นด่างของน้ำ หาค่าความเข้มข้นของโลหะต่างๆ ความขุ่นของน้ำ สารแขวนลอย ค่าต่างเหล่านี้ถ้าอยู่ในปริมณที่สูง จะทำให้ต้องใช้คลอรีน และสารเคมีอื่นๆในปริมาณที่สูง และถังกรองต้อง back wash บ่อยขึ้น และค่าไอออนต่างๆเหล่านี้ทำปฏิกิริยากับคลอรีนทำให้คลอรีนมีประสิทธิภาพในการทำงานต่ำลง
วิธีการแก้ไข
1.เพิ่มการใช้สารเคมีมากขึ้น
2.เพิ่มขนาดของถังกรอง
3.เปลี่ยนใช้สารกรองที่สามารถกำจัดไอออนของโลหะต่างๆ ซึ่งอาจใช้สาร พวก Zeolite หรือ burn
สระว่ายน้ำ อย่างมือ อาชีพ
สระว่ายน้ำ
ถ้าพูดถึงสระว่ายน้ำสระที่ครบสมบูรณ์เราสามารถแบ่งสระว่ายน้ำออกเป็นดังนี้ ส่วนที่เป็นโครงสร้างของสระว่ายน้ำหรืออาจกล่าวได้ว่าส่วนที่เป็นตัวสระว่ายน้ำ ส่วนที่เป็นระบบของสระว่ายน้ำ ส่วนของการดุลน้ำของสระว่ายน้ำ และส่วนอื่นๆของสระว่ายน้ำ
ส่วนที่เป็นตัวสระว่ายน้ำหรือโครงสร้างสระว่ายน้ำ
โดยทั่วไปรูปทรงของสระว่ายน้ำจะเป็นสี่เหลี่ยมวงกลมหรือไม่เป็นรูปร่างที่ไม่แน่นอนก็แล้วแต่ตามผู้ออกแบบกำหนดนอกจากนี้ตัวของสระว่ายน้ำจะใช้วัสดุต่างๆที่ป้องกันน้ำรั่วมีหลายแบบหลายชนิด เช่น fiberglass ซิเมนต์กั้นน้ำ แผ่นพลาสติกซึ่งทุกอย่างที่เป็นวัสดุที่ใช้รองรับน้ำในสระน้ำต้องเป็นวัสดุที่ป้องกันน้ำซึมน้ำรั่วรับแรงดันได้เป็นอย่างดีและที่สำคัญไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีที่เติมลงไป และไม่เป็นผลข้างเคียงกับมนุษย์ทั้งในระยะสั้น หรือระยะยาวแต่โดยทั่วไปสระว่ายน้ำที่เราสร้างส่วนใหญ่เราจะสร้างโดยเป็นแบบปูนซิเมนต์เสริมเหล็กเพราะสามารถรับแรงดันได้สูงและมีอายุการใช้งานที่ยืนยาวและที่ต้องระวังในการสร้างสระว่ายน้ำด้วยปูนซิเมนต์รอยต่อระหว่างปูนซิเมนต์ อาจจะเกิด รอยร้าว รอยแตก จากแรงสั้นสะเทือนต่างๆและเพื่อรองรับของปริมาตรน้ำอย่างมาก ดังนั้นจำเป็นที่ต้องใช้ซิเมนต์คุณภาพสูง น้ำยาประสานซิเมนต์ เช่น พวก sikatop
ซีเมนต์คุณภาพสูงใช้ในงานกันซึ่มและรอยรั่ว
เมื่อเราพูดถึ่งปริมาตรน้ำ เราจะต้องคิดได้ว่าสระแต่สระน้ำมีปริมาตรน้ำอยู่เท่าไร โดยทั่วไปเราจะกำหนดเป็น ลูกบาศก์เมตร(m3) หรือลิตร เมื่อเราต้องการหาปริมาตรของน้ำให้เราวัดความยาวของสระความกว้างของสระความลึกเฉลี่ยของสระว่ายน้ำซึ่งในกรณีตัวสระนั้นเป็นสี่เหลี่ยมซึ่งเราจะอธิบายการคำนวณอย่างละเอียดของรูปทรงต่างๆในภาคผนวกตอนท้ายเล่ม
เมื่อเรายื่นอยู่ข้างๆสระว่ายน้ำเราจะมองเห็นส่วนประกอบต่างๆที่อยู่ข้างในสระว่ายน้ำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นรูปแบบทั่วไปของสระว่ายน้ำที่มีระบบท่อ ซึ่งจะแตกต่างกับระบบสระว่ายน้ำระบบไร้ท่อ ที่นี้เราจะมาทำความเข้าใจกับระบบสระว่ายน้ำที่มีท่อ เมื่อเรามองลงไปในสระน้ำเราจะมองเห็นสิ่งดังนี้
Fitting คือ ส่วนที่ต่อกับท่อช่วงที่ที่ท่อนั้นจ่ายน้ำเข้า ในสระน้ำ ส่วนของ fitting อาจอยู่ที่ตำแหน่งพื้นหรืออยู่ที่ผนังของสระว่ายน้ำแล้วแต่ตามผู้ออกแบบที่ต้องการให้น้ำมีการหมุนเวียนในสระน้ำในลักษณะแบบใหน ซึ่งจะมี หัว fitting มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของสระว่ายน้ำ
Main drain คือ สะดือสระ เป็นช่วงที่ต่อกับท่อ จ่ายน้ำเข้าไปยังระบบ main drainนั้นจะอยู่ที่ตำแหน่งต่ำสุดของพื้นสระน้ำ ทั้งนี้ main drain จะทำหน้าที่ถ่ายน้ำออกจากสระ หรือใช้ในกรณีดูดตะกอนในขณะที่เราแปรงไล่ตะกอนที่พื้นสระน้ำ หรือใช้ในกรณีที่เราต้องการให้น้ำในสระหมุนเวียนเฉพราะในสระน้ำอย่างเดียว ไม่ต้องการให้น้ำไหลลง gutter(ร่างระบายน้ำ) หรือ surge tank(บ่อพักน้ำ)
ท่อVacuumคือท่อดูดใช้ในการสำหรับทำความสะอาดสระว่ายน้ำโดยทั่วไปท่อ vacuum
(ท่อดูด) จะอยู่ที่ตำแหน่ง ของผนังของสระว่ายน้ำ ส่วนใหญ่ให้รูของท่อนั้นอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำ 30 cm ทั้งนี้ง่ายต่อการสวมใส่สายดูด (hose) เมื่อต้องการดูดตะกอนทำความสะอาด สระว่ายน้ำ
ขั้นตอนการดูดตะกอนสกปรกที่อยู่บนพื้นสระว่ายน้ำ(สำหรับสระว่ายน้ำที่มีท่อดูด)
1.เปิดฝ้าจุกของท่อดูด
2.เตรียมอุปกรณ์ดังนี้
ต่อหัวดูด(vacuum head) เข้ากับสายดูดสระ(hose) จากนั้นต่อเข้ากับด้ามดูดสระ(pole) ไล่อากาศออกจากสายดูดโดยการจุ่มสายดูดลงไปในสระว่ายน้ำจากนั้นจับที่หัวสายดูดด้านที่ไม่ได้ต่อกับหัวดูดไปเสียบกับท่อดูด
3.เข้าไปในห้องปั๊มของระบบสระว่ายน้ำ
4.ทำการปิดสวิสต์ของปั๊มสระว่ายน้ำ
5.ปิดวาล์วของท่อที่มาจาก บ่อพัก(surge tank) และวาล์วของท่อที่มาจาก main drain(สะดือสระ)
6.ทำการเปิดวาล์วของท่อดูด(vacuum)
รูปประกอบอุปกรณ์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ
สายดูดสระ(hose) ที่ตักใบไม้(leaf Rake) แปรงขัดสระ(Nylon Brush)
หัวดูดสระ(vacuum head) แปรงขัดตะไคร่น้ำ(algae brush) ด้ามจับ(pole)
ซึ่งอุปกรณ์แต่ละชนิดต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับขนาดของสระตามความยาวและความกว้างของสระลักษณะของพื้นสระนั้นๆ
ไฟในสระว่ายน้ำ(Lighting)
คือ เป็นหลอดไฟที่อยู่ในสระน้ำทั้งนี้ใช้เพื่อให้แสงสว่างในเวลากลางคืน โดยปกติหลอดไฟในสระน้ำจะติดที่ผนังของสระว่ายน้ำทั้งนี้เพื่อง่ายต่อการเปลียนหลอดไฟครั้งต่อไปและหลอดไฟจะต่ำกว่าระดับน้ำในสระน้ำ40 cm หลอดไฟที่ใช้ในสระน้ำจะเป็นไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้าต่ำ เพราะต้องใช้ป้องกันไฟช็อกหลอดไฟต้องมีลักษณะเป็นพิเศษคือสามารถกั้นน้ำได้ดี
รูปของหม้อแปรงที่ใช้กับไฟในสระน้ำ
บันไดสระว่ายน้ำ
บันไดสระว่ายน้ำ ใช้เพื่อเวลาขึ้นลงจากสระว่ายน้ำ บันไดที่ติดตั้งต้องแข็งแรงไม่โยกไปมาหรือหลวมซึ่งอาจเป็นอันตรายกับคนเล่นน้ำได้อีกทางหนึ่งเพื่อป้องกันเด็กที่ลงเล่นน้ำช่วงที่ขึ้นจากสระน้ำถ้าไม่มีบันไดเด็กๆที่ลงเล่นน้ำจะเหยียบบนหลอดไฟซึ่งเป็นอันตรายกับเด็กๆได้
ระบบของสระว่ายน้ำ
เมื่อเราพูดถึงระบบของสระว่ายน้ำหรือเราอาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ห้องปั๊มของสระว่ายน้ำ ซึ่งมีอุปกรณ์ต่างๆที่ให้มีการหมุนเวียนของน้ำ มีการกรองน้ำ มีการฆ่าเชื้อโรคในน้ำ ให้เกิดขึ้นกับสระว่ายน้ำนั้น มีอุปกรณ์ต่างๆอยู่ในห้องปั๊มของสระว่ายน้ำ เช่น ปั๊มของสระว่ายน้ำ(Swimming pool pump) ถังกรอง (filters) วาล์วต่างๆ (valves) ระบบไฟฟ้าควบคุม (control boxes) ท่อต่างๆ (piping) ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้เรียกว่า Hydraulics มาประกอบอุปกรณ์ต่างๆเหล่านั้นเรียกว่า ระบบสระว่ายน้ำ(swimming pool system)
ปั๊มสระว่ายน้ำ(Swimming pool pump)
เป็นอุปกรณ์ที่ทำให้น้ำในสระว่ายน้ำมีการไหลเกิดขึ้นปั๊มที่ใช้กับสระว่ายน้ำมีหลายแบบหลายขนาดการเลือกใช้ปั๊มสระว่ายน้ำที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับ ขนาดของสระว่ายน้ำ อัตราการดูดน้ำของปั๊ม ความสูงต่ำของระดับหรือระยะห่างจากปั๊มถึงตัวสระน้ำ ปั๊มสระว่ายน้ำมีลักษณะเป็นพิเศษคือสามารถทำงานได้นานอย่างต่อเนื่องจะมีตะกร้าหน้าปั้มไว้ดักขยะซึ่งสามารถถอดล้างทำความสะอาดเอาขยะออกได้ การใช้ปั้มสระน้ำพิจารณาดังต่อไปนี้
1. ความแรงของปั้ม เราจะเรียกความปั้มว่าเป็นแรงม้า เช่น 1 Hp ( 1 แรงม้า) 2 Hp(2แรงม้า)ซึ่งจะสอดคล้องกับกำลังไฟฟ้าที่ใช้ไป บางปั้มบอกความแรงของปั้มเป็นวัตต์ เช่น 1.0 Kw 400watt(1 แรงม้าเท่ากับ760watt) ปั้มที่มีแรงมากกำลังไฟฟ้าก็จะสูงด้วย ค่าไฟฟ้าก็จะสูงด้วย
2.ปั้มน้ำนั้นมีความเร็วรอบที่สูงหรือต่ำถ้าปั้มนั้นมีความเร็วรอบสูง แสดงว่าอัตราการไหลของน้ำก็จะเร็วขึ้นด้วย
3.ระยะส่งของปั๊ม ปั๊มน้ำแต่ละยี่ห้อจะบอกระยะส่งว่าสามารถส่งน้ำได้ไกลกี่เมตรหรือสูงกี่เมตร
4.อัตราการไหลของน้ำปั๊มแต่ละชนิดแต่ละยี่ห้อจะบอกอัตราการไหลใน 1 นาที สามารถดูดน้ำได้กี่ลิตร เช่น 350 Liters/min (350 ลิตร ต่อ นาที) นอกจากนี้ อัตราการไหลของน้ำที่ดูดได้ดีนั้นจะขึ้นอยู่กับขนาดของห้องปั๊ม ขนาดของใบผัด จำนวนใบผัด รูปทรงของห้องปั๊ม
ทุกอย่างที่กล่าวมาของคุณสมบัตของปั๊มข้างต้นจะมีบอกไว้ที่ฉลากของปั๊ม แต่ละยี่ห้อ แต่ละชนิด ซึ่งเราเรียกว่า Name plate
(รูป)
รูปประกอบ Spar part ~ของปั๊ม
ขั้นตอนการเอาขยะหน้าปั๊มออก
1.ปิดสวิตซ์ เปิด-ปิด ปั๊มสระว่ายน้ำ
2.ปิดวาล์วหน้าปั๊ม หรือหลังปั๊มกรณีมีแรงดันภายในปั๊มให้เปิดจุกหน้าปั๊มออกก่อน
3.เปิดฝาครอบปั๊มออกโดยดูตามลูกศรที่เขียนไว้ เปิด-ปิด ส่วนใหญ่ปั๊มสระว่ายน้ำหลายยี่ห้อมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการเปิด-ปิด อยู่
4.ดึงตะกร้าหน้าปั๊มออก เอาขยะหน้าปั๊มออก ล้างทำความสระอาด
5.ใส่ตะกร้าหน้าปั๊มกลับเหมือนเดิม ให้ตรงตามช่อง
6.ใส่ฝาครอบปั๊มระวังยาง O-ring (ยางรอง) ของฝาครอบปั๊มอย่าให้บิดเบี้ยวหรือไม่ตรงตามรองของรองยางฝาครอบปั๊ม จะทำ O-ring เสียรูปใช้งานไม่ได้ครั้งต่อๆไป และน้ำจะรั่วได้ ถ้าฝาปั๊มผืดให้ใส่กรีซ (grease)จาระบีขาว จารบีที่ใช้สำหรับยางหรือพลาสติกได้
7.เปิดวาล์วหน้าปั๊มแล้วเปิด สวิทซ์ของปั๊มสระว่ายน้ำ
กรณีปั๊มสระว่ายน้ำดูดอากาศหรือดูดน้ำไม่ขึ้น
มีสาเหตุดังนี้
1.Foot valve เสีย หรือ check valve เสีย หรือค้าง ในกรณีที่ปั๊มสระว่ายอยู่ระดับสูงกว่าสระว่ายน้ำ
2.เกิดการรั่วของท่อหรือUnion(ยูเนียน)หน้าปั๊มสระว่ายน้ำถ้าปั๊มสระว่ายน้ำอยู่ระดับสูงกว่าสระว่ายน้ำเราจะมองไม่เห็นน้ำที่รั่วตามท่อเพราะช่วงที่ปั๊มหยุดอากาศจะดูดตามรอยรั่วแล้วน้ำจะไหลย้อนกลับไปยัง surge tank(บ่อพักน้ำ)หรือไหลย้อนกลับไปยังสระว่ายน้ำ
วิธีการแก้ไข
1.ถ้าน้ำรั่วตามท่อ หรือUnionเกลียวของท่อหลวม ต้องแก้ไขอย่าให้น้ำรั่วให้ได้ หรืออาจต้องเปลี่ยนใหม่
2.ทำการแกะทำความสะอาดCheck valve หรือ foot valveหรือเปลี่ยนใหม่
กรณี ปั๊มสระว่ายน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับสระว่ายน้ำเราสามารถมองเห็นรอยรั่วได้เพราะจะหยดออกตามรอยรั่วถ้ากรณีปั๊มอยู่สูงกว่าระดับสระว่ายน้ำเราไม่สามารถมองเห็นได้ให้เราทำการเติมน้ำในท่อโดยเปิดวาล์วน้ำที่ต่อกับท่อ Header (จุดรวมของท่อ) หรือเติมน้ำด้วยสายยาง ซึ่งถ้าตามรอยต่อของท่อรั่วมากเราสามารถมองเห็นรอยรั่วน้ำจะหยดออกถ้าไม่มีวาล์วเติมน้ำไม่มีสายยางเติมน้ำให้เราใช้น้ำสบู่หยดตามรอยต่อต่างๆของ union และเกลียวต่างๆ ตามท่อที่ดูดน้ำถ้าไม่มีสายยางไม่มีสบู่ให้กลับไปนอนที่บ้านก่อนเถอะ
เมื่อไม่มีน้ำในท่อหรือรั่วตามท่อดูดของปั๊มสระว่ายน้ำปั๊มจะดูดอากาศหรือปั๊มดูดน้ำไม่ขึ้นซึ่งถ้าดูดอากาศเป็นเวลานานจะทำปั๊มเสียหายได้
วิธีการแก้ไขมีดังนี้
1.ปิด สวิทซ์ปั้มสระว่ายน้ำ
2.ปรับวาล์วของหัว Multiport valveไปที่ waste
3.ให้ดูลายท่อ ระยะของท่อดูดระหว่าง ท่อของ foot valveในsurge tankกับ ท่อของ main drain หรือท่อของvacuum ระยะของท่อที่สั้นที่สุดอยู่ใกล้กับปั๊มสระว่ายน้ำมากที่สุดแล้วให้เปิดวาล์วตัวนั้นเพียงตัวเดียว
4.จากนั้นเปิด สวิทซ์ปั๊มสระว่ายน้ำให้สังเกตที่ตะกร้าหน้าปั๊มถ้าเปิดปั๊มประมาณ 1 -2 นาที จะมีน้ำค่อยๆไหลเข้ามาที่ตะกร้าหน้าปั๊มให้เปิดปั๊มไปเรื่อยๆจนกว่าน้ำจะเต็มหน้าปั๊มจากนั้นค่อยๆเปิดวาล์วที่เหลือโดยค่อยๆเปิดวาล์วที่ละน้อยที่ละตัวจนกว่าหน้าปั๊มน้ำจะเต็มเมื่อเปิดวาล์วของMain drain ,surge tank, vacuum เมื่อน้ำเต็มทั้งสามท่อจากนั้นให้ปิดสวิทซ์ปั๊ม
5.ปรับวาล์วของหัว Multiport ไปที่ filter จากนั้นเปิดปั๊มตามปกติ
ในกรณีที่ปั้มดูดน้ำไม่เต็มหน้าปั้ม ดูดน้ำกับอากาศผสมกันให้เราปฏิบัติดังนี้
1.ให้ทำการตรวจเช็ค
1.1 Foot valve ถ้าที่ foot valve มีขยะมีเศษพลาสติก ไปติดทำให้การทำงานของปั้ม จะทำงานหนัก น้ำที่ดูดไปยังปั้มไหลไม่สะดวกทำให้ปั้มมีการดูดอากาศขึ้น
1.2 ตรงรอยต่อของท่อ ถ้ารอยทากาวไม่ทั่วถึง หรือสามารถขยับได้ ให้เราทำการปิดปั้ม ถ้าปั้มน้ำหรือสายท่ออยู่ต่ำ กว่าระดับของสระน้ำ เราจะเห็นน้ำที่ซึมจากรอยต่อนั้นสังเกตได้ง่าย แต่ถ้าสายท่ออยู่สูงกว่า หรือปั้มน้ำอยู่สูงกว่าระดับสระน้ำ และ Surge tankซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นได้ วิธีการง่ายๆถ้าสายท่อนั้นต่อกับระบบน้ำใช้ให้เราเปิดวาล์วทีละตัว ค่อยๆเปิดวาล์วน้ำใช้ คอยสังเกตตรงวาล์วต่างๆมีน้ำไหลออกมาหรือไม่
1.3ให้สังเกตดูจากวาล์วต่างๆเพราะถ้าเป็นวาล์วที่มีUnionวาล์วชนิดนี้ ส่วนที่เกลียวกับ Ball Valve จะมียาง O-ringอยู่ ถ้าไม่ได้ใส่ยาง O-ring ในลักษณะที่ผิดเกลียว เวลาที่มีแรงดันน้ำน้ำจะมีการรั่วไหลได้
ดังนั้นเวลาติดตั้งBall valve ให้เราสังเกตยาง O-ring ที่อยู่ข้างในอยู่ครบไหม อยู่ในลักษณะปกติไหม ควรจะใส่ตามลูกศร ตามที่ผู้ผลิตได้กำหนดไว้ ที่สำคัญต้องได้ระยะห่าง ball valve กับเกลียวของ Union ไม่เบี้ยวหรือบิด เวลาขันเกลียว Union ให้แน่นไม่ฝืด
วาล์วชนิดต่างๆ ที่ใช้กับระบบสระว่ายน้ำ
ก่อนอื่นวาล์วต่างๆที่ใช้กับระบบสระว่ายน้ำนั้นต้องทนกับสภาพกัดกกร่อน โดยเฉพาะคลอรีน และน้ำเกลือ ซึ่งไม่สมควรใช้กับวาว์ลเหล็ก หรือทองเหลือง วาว์ลเป็นระบบควบคุมการไหลของน้ำ หรือให้น้ำหยุด วาว์ลที่ใช้ในสระน้ำมีหลายชนิด แต่ที่นิยมใช้และเป็นที่รู้จักในระบบสระว่ายน้ำ จะเป็นวาว์ลที่ป้องกันไม่ให้ไหลย้อนกลับ เรียกว่า Check valveวาว์ลที่ควบคุมการไหลของน้ำ เรียกว่า Ball valveวาว์ลที่สามารถควบคุมการไหลของน้ำ เรียกว่าMultiport valveวาล์วที่ใช้กับแรงดันสูงๆส่วนใหญ่จะใช้กับGatevalveและButterflyvalve
ซึ่งวาล์วแต่ละชนิดจะมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างกันแล้ว แต่ตามผู้ติดตั้งจะใช้งาน
1. Ball valve PVC
Ball valve ส่วนใหญ่ในระบบน้ำใช้และประปาทั่วไปจะใช้บอลวาล์วเพราะบอลวาล์วราคาถูกติดตั้งง่ายไม่นิยมใช้กับสระว่ายน้ำที่เป็นวาล์วหลักๆคือ ต่ำแหน่งที่มีการเปิด-ปิดวาล์วเป็นประจำ จะใช้วาล์วชนิดนี้ได้เฉพาะบางจุดเท่านั้นเพราะวาล์วชนิดนี้ถ้าเปิด-ปิดบ่อยๆจะหักง่าย เวลาทำการแก้ไข้จะยุ่งยาก เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบ่อย
2.Ball valve union
บอลวาล์วยูเนียน ส่วนใหญ่ใช้ในระบบสระว่ายน้ำเพราะเป็นวาล์วที่ทนต่อการเปิด-ปิด เป็นบ่อยๆ ทนต่อสารเคมีที่ใช้ในสระว่ายน้ำเมื่อชำรุดง่ายต่อการเปลี่ยนสามารถรับแรงดันน้ำได้ดี การเลือกซื้อ วาล์วชนิดนี้ ซึงมีหลายแบบหลายขนาด ควรจะเลือกซื้อให้เหมาะสมกับงานที่ใช้
การติดตั้ง บอลวาล์วยูเนียน
1.แกะส่วนที่เกลียวยูเนียนออก ตรวจเช็คยาง O-ring และการหมุนของเกลียว unionอยู่ในสภาวะผืดหรือคล่องตัว
2.ประกอบกลับไม่ต้องบิดเกลี่ยวของ Unionให้แน่น
3.วัดขนาดของท่อที่จะตัดออกระหว่างสอง Union ทำขีดไว้เป็นสัญลักษณ์ ส่วนของท่อที่จะส่วมเข้าไปในunion (ประมาณ 4 cm)
4.ตัดท่อทั้งสองด้านให้ได้ระดับที่เสมอกันไม่สมควรจะตัดให้ปลายท่อเฉียงเพราะจะทำให้พื่นที่ผิวของปลายท่อกับUnion มีพื้นที่การเกาะติดของกาวน้อย
5.ทำความสะอาดปลายท่อและพื้นผิวด้านในของ Unionที่จะถ้ากาว
6.แกะเกลียวของ union ออกทั้งสองด้าน ทา กาวพอประมาณระหว่างปลายท่อกับพื้นผิวด้านในของ Union ขณะที่สวมท่อกับ Union ให้หมุนท่อหรือ Union พร้อมกับกดให้ได้ตามที่ขีดไว้ให้ปัดเศษกาวส่วนเกินจากการทาออกระวังอย่าทากาวมากเกินไปเพราะกาวที่เหลือจะไหลไปติดเกลียวของ Unionตัวบอลข้างในหรือไปติดกับ o-ringเพราะจะทำให้ o-ring ตอนที่ขันเกลียวปิดไม่สนิทน้ำจะรั่วซึ่มได้ ถ้าเป็นวาล์วขนาดใหญ่ให้ทากาวให้ลื่นพอประมาณ ช่วงที่สวมระหว่างท่อกับ Union ให้ใช้ฆ้องยางหรือไม้เคาะไว้จนกว่าจะได้ตามขีดที่กำหนดไว้ ห้ามเคาะแรงเกินไปหรือเบาเกินไปเพราะจะทำให้กาวที่ทาที่ท่อไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ ball valve ตรง union ปัญหารั่ว
กรณีเปลียน Ball valve union ในขณะที่มีน้ำไหลในท่ออยุ่ เช่น สระว่ายน้ำที่อยู่ที่ระดับสูงกว่าห้องปั๊มสระว่ายน้ำ หรือเปลี่ยน ball valve union ของท่อน้ำจ่าย จากถังกรองไปยังสระว่ายน้ำ หรือ อาจเรียกว่า ท่อ line return ซึ่งในกรณีนี้ ถ้าเราไม่ต้องการ ดำน้ำปิดเพื่อไม่ให้น้ำไหล เราสามารถ ทำได้ดังนี้
1.ต้องเปิดให้น้ำไหลออกจากท่อน้ำที่มี Ball valve union ที่เราต้องการเปลี่ยน แต่อย่าลืมว่าในห้องปั๊ม มีไดโวปั๊มคอยดูดน้ำออกในห้องปั๊มทันกับน้ำที่ไหลออกมา
2.เปิด Valve union ที่เราต้องการเปลี่ยนให้น้ำไหลออกมาไว้
3.จากนั้นให้เราแกะเกียวของ Union ออกทั้งสองด้านเอาเฉพาะตัว ball valve ออก
4.เปลี่ยน Ball valve ตัวใหม่ที่เราต้องการเปลี่ยนออก โดยให้ วาล์วนั้นอยุ่ในลักษณะเปิดไว้
5.ในขณะที่เปลียน Ball valveให้เช็ค ยาง o-ringไม่ให้หลุดออกหรือบิดเบี้ยว จากนั้นค่อยขันเกลียวของ unionเข้าให้แน่นด้านที่น้ำไหลออกแล้วขันเกลียวที่เหลือให้แน่น ค่อยๆปิดวาล์วน้ำ
การติดตั้ง Ball valve union ในห้องปั้มให้พิจารณาถึงความเหมาะสมของระยะวาล์วด้วยให้ใส่ตามลูกศรตามทิศการไหลของน้ำ
Check valve
Check valve คือ ส่วนที่ทำหน้าที่ในการหยุดการไหลของน้ำในขณะที่ปั๊มหยุดทำงาน ป้องกันน้ำไหลย้อนกลับ จะมีทิศทางการไหลอยู่ทางเดียว ดั้งนั้นเวลาติดตั้ง check valve ควรจะดูลูกศรให้ดี
การติดตั้ง Check valve มีลักษณะคล้ายกับการติดตั้ง ball valve union ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
กรณีที่1 ถ้าห้องปั๊มหรือปั๊มสระว่ายน้ำอยู่ในระดับเดียวกันกับระดับสระว่ายน้ำ ควรจะใส่ check valveไว้ตัวเดียว คือหลังถังกรอง
กรณีที่2 ถ้าห้องปั๊มหรือปั๊มสระว่ายน้ำอยู่สูงกว่าระดับสระว่ายน้ำ ควรจะใส่ Check valve เหมือนกรณีที่หนึ่ง ถ้า ท่อ over flow ท่อน้ำทิ้ง 000 ของ surge tank บ่อพัก แล้วไหลทิ้งออกข้างนอก
กรณีที่3
ถ้าห้องปั๊มอยู่ต่ำกว่าระดับสระว่ายน้ำอยู่มาก ควรจะใส่ check valve ไว้ 2 ตัว คือ หลังถังกรอง กับ หลังปั๊ม ให้พิจารณาที่ surge tank ด้วยอยู่ที่ต่ำแหน่งต่ำกว่าระดับสระว่ายน้ำมากน้อยแค่ใหน
กรณีที่4
ถ้ามีปั๊มมากกว่า 1 ตัว ต่อกันเป็น Line ท่อเดียวกัน ให้ทำ header ไว้ แล้วให้ใส่ check valve ไว้ หลังปั๊มทุกตัวปั๊ม ซึ่งทางที่ดีควรจะใส่ ball valve ทุกตัวปั๊มด้วย ทั้งนี้เพื่อป้องกัน check valve เสียเพื่อป้องกันน้ำไหลเวียนอยู่กับที่และกันปั๊มสระว่ายน้ำ
การทำความสะอาด check valve ในกรณี check valve ค้าง หรือ มีเศษขยะติดอยู่ข้างใน
1.ปิด สวิทซ์ ปั๊มสระว่ายน้ำ
2.ปิดวาล์วน้ำในกรณีที่จะทำให้น้ำไหลถ้าระดับของห้องปั๊มอยู่ต่ำกว่าระดับสระน้ำ
3.แกะ Union ทั้งสองด้านออกโดยหมุนเกลียวออก (หมุนทวนเข็มนาฬิกา)
4.แกะส่วนที่เป็น check valve ออก
5.ทำความสะอาดโดยเอาขยะและปรับสปริง(ถ้ามี)ให้อยู่ในสภาพปกติ
6.ถ้ามีจารบีขาว000ในส่วนที่ทำให้ผืดด้วยแล้วประกอบกลับเหมือนเดิม
การเลือกซื้อ check valve ควรจะดูขนาดของท่อและแรงดันของน้ำด้วยให้เหมาะสมกัน นอกจากนี้ให้ check valve อยู่ในระยะที่เหมาะสมกันง่ายต่อการทอดออกทำความสะอาด ไม่ควรเลือก check valve ที่แรงสปริงน้อยให้อยู่ใกล้ปั๊มมากเกินไป โดยปกติแล้วcheck valve แบบสปริงสปริงที่มีจำนวนขดยาวจะดีกว่าสปริงที่มีจำนวนขดน้อยกว่า
Foot valve (หัวดูดน้ำ) และFloat valve (ลูกลอยเติมน้ำ)
Foot valve มีลักษณะคล้ายๆกับ check valve คือบังคับให้น้ำไหลได้ทางเดียว จะเป็นอุปกรณ์ไว้กั้นน้ำเพื่อป้องกันการไหลกลับของน้ำในท่อโดยทั่วไปจะใช้งานอยู่ทั่วไป เช่น บ่อน้ำ ระบบประปา แต่foot valve ของสระว่ายน้ำจะมีลักษณะพิเศษคือ ทนต่อสภาพน้ำที่มีคลอรีนและเกลือ สิ่งสกปรกต่างๆที่อยู่ใน surge tank และจะมีการเปิดปิดของลิ้นfoot valve อยู่บ่อยๆ foot valve ของสระว่ายน้ำจะอยู่ใน surge tank สระว่ายน้ำ ดังนั้นเวลาเดินท่อใน surge tank ควรจะอยู่ที่ต่ำแหน่งที่ง่ายต่อการติดตั้ง foot valve และสามารถเห็นได้ชัดเจนทั้งนี้เพื่อง่ายในการทำความสะอาดและตรวจเช็ค foot valve ตอนที่ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ
Gate valve
เป็นวาล์วน้ำ ส่วนใหญ่จะใช้กับระบบน้ำประปา กับ อากาศ และอุปกรณ์ที่ใช้แรงดันน้ำสูง ซึ่งไม่นิยมใช้ในสระว่ายน้ำเพราะเสียเวลาในการเปิดปิดและง่ายต่อการกัดกรอนของวาล์ว
Butterfly valve เป็นวาล์วน้ำที่ส่วนใหญ่จะใช้กับท่อที่มีแรงดันสูงและใช้กับท่อที่มีขนาดใหญ่เพราะง่ายต่อการเปิดปิด ส่วนใหญ่ใช้กับระบบสระว่ายน้ำที่มีขนาดใหญ่
ข้อควรระวัง ในการใช้ Butterfly valve เมื่อมีการใช้งานนานๆจะมีขยะไปสะสมที่แกนข้างในซึ่งเป็นปีกที่ใช้เปิดปิดถ้ามีขยะไปติดมากๆจะทำให้ปิดวาล์วไม่สนิท
วิธีการแก้ไข ให้เราลองเปิดปิดวาล์วแบบเร็วๆในขณะที่ปั๊มสระว่ายน้ำทำงานถ้าขยะยังไม่ออกต้องแกะวาล์วออกมาทำความสะอาด
Multiport valve
คือวาล์วที่ใช้ในการควบคุมให้น้ำไหลตามทิศทางที่เราต้องการในหนึ่งตัววาล์วสามารถใช้งานได้หลายๆอย่าง โดยปกติแล้วแล้ว Multiport valve ที่จะกล่าวในที่นี้เป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งของถังกรอง เป็นวาล์วที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของถังกรอง multiport valve ที่ใช้กับถังกรอง จะมี 2 แบบ คือ แบบที่อยู่ด้านบนของถังกรอง (top mount) แบบที่ข้างๆถังกรอง (site mount) ซึ่งทั้งสองแบบ จะมีลักษณะการทำงานที่คล้ายๆกัน
Top mount site mount
ตำแหน่งต่างๆที่อยู่ในหัว Multiport valve มีการใช้งานดังนี้
ก่อนอื่นเมื่อเราพิจารณาที่หัว Multiport valve จะมีข้อต่อเกลียวที่ต่อกับท่อ อยู่สามท่อ คือ ท่อน้ำเข้า(Inlet line) ท่อน้ำออก(outlet line) ท่อน้ำทิ้ง(waste line)
ท่อน้ำเข้า(Inletline)จะต้องต่อกับท่อน้ำจ่ายของปั๊มโดยอยู่ส่วนบนของหัว multiport valve โดยจะเขียนว่า “pump”
ท่อน้ำออก(Outlet line) จะต้องต่อกับท่อน้ำที่จ่ายเข้าไปในสระน้ำ หรือ เราเรียกว่า ท่อ”Return to pool” หรือ ท่อ “Inlet to pool”
ท่อน้ำทิ้ง(Waste line) จะต้องต่อกับท่อน้ำที่เอาไว้น้ำออกจากระบบเอาน้ำออกจากสระว่ายน้ำ จะเขียนว่า “waste”
หน้าที่ต่างๆของต่ำแหน่งหัว Multiport valve
1.filter-filtration ถ้าวาล์วอยู่ที่ตำแหน่งนี้สถานะการทำงานจะเป็นการกรองของถังกรอง เป็นตำแหน่งปกติของระบบเมื่อมีการเปิดระบบสระว่ายน้ำ
2.Back Wash ถ้าวาล์วอยู่ที่ต่ำแหน่งนี้ สถานะการทำงานจะเป็นการล้างถังกรองโดยปกติน้ำในถังกรองจะไหลจากบนลงข้างตอนที่วาล์วของmultiportอยู่ที่ตำแหน่งfilterเมื่อเราปรับวาล์วไปที่ตำแหน่งBack wash น้ำในถังกรองจะไหลจากด้านใต้ขึ้นมาด้านบน ถ้าเป็นถังกรองทรายเราจะทำการ Back wash เป็นการล้างทรายกรองเอาสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในทรายกรองออกจากถังกรอง นอกจากนี้ถังกรองส่วนใหญ่มีเกจด์วัดแรงดัน(pressure gauge)เพื่อวัดแรงดันภายในถังกรองคือเมื่อมีสิ่งตะกอนสะสมที่ถังกรองมากขึ้นจะทำให้แรงดันภายในถังกรองมากขึ้น เกดจ์วัดจะมีค่ามากขึ้น
รูปของ pressure gauge
ตัวอย่างเช่น
เมื่อเราเปิดระบบสระว่ายน้ำให้ทำงานตามปกติให้เราดูที่เกดจ์วัดแรงดันขึ้นไปที่เท่าไร ถ้าค่าที่เราอ่านได้ขึ้นที่ 100 kpa เมื่อระบบสระว่ายน้ำทำงานหลายๆวันเกจด์วัดแรงดันก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกว่าถึงระดับที่ตะกอนสะสมที่ถังกรองเต็มเกจด์วัดแรงดันอาจจะอ่านค่าได้ที่ 180 kpa หรือ 200 kpa ให้เราทำการ Back wash ทั้งนี้ในการ Back wash แต่ละครั้งต้องดูน้ำใน Surge tank ว่ามีน้ำมากน้อยแค่ใหน การทำการ Back wash ถังกรองทรายค่าความแตกต่างเกจด์วัดแรงดันของถังกรองจะน้อยกว่าถังกรองผ้า
****(หมายเหตุ 100 kpa = 14.503 psi = 1 bar = 1 kg/cm2)
ขั้นตอนการ Back wash ถังกรองทราย
1.ปิดสวิสต์ปั๊มสระว่ายน้ำ
2.กดแล้วหมุนวาล์วของ Multiport valve ไปที่ต่ำแหน่ง Backwash (ทุกครั้งที่เราจะเลื่อนวาล์ว ของ multiport valveห้ามเลื่อนวาล์วไปที่ต่ำแหน่งใดๆ ขณะที่ปั๊มสระว่ายน้ำทำงาน หรือมีแรงดันในท่อสูง)
3.เปิดสวิตซ์ปั้มสระว่ายน้ำเราจะสังเกตเห็นสิ่งสกปรกออกจากลูกแก้วที่ติดไว้กับท่อน้ำทิ้ง
ของMultiport valve ซึ่งเราเปิดปั้มไว้ 2-3นาทีจนสังเกตเห็นลูกแก้วที่ติดไว้กับท่อน้ำทิ้งเริ่มใส่
4.ปิดสวิทซ์ปั้ม
5.ปรับวาล์วที่ตำแหน่งของ Rinse
6.เปิดสวิทซ์ปั้มให้ปั้มทำงานประมาณ 1นาที หรือให้สังเกตเห็นลูกแก้วที่ติดไว้กับท่อน้ำทิ้งน้ำจะใส่
7.จากนั้นปิดสวิทซ์ปั้ม
8.ปรับตำแหน่งวาล์วของหัว Multiport valve ไปที่filter
rinse ถ้าปรับวาล์วที่ตำแหน่งนี้น้ำจะไหลเข้าจากท่อน้ำเข้าของหัว multiport valveจะไหลจากด้านบนของถังกรองเพื่อให้เกิดน้ำหมุนในถังกรองเป็นการปรับพื้นผิวส่วนบนของทรายกรองหลังจากBackwash/Recalculate ถ้าวาล์วอยู่ที่ตำแหน่งนี้น้ำจะไม่ไหลผ่านถังกรองน้ำจะเข้าทางท่อน้าเข้าของหัว multiport แล้วจะไหลออกจากท่อน้ำออกของหัว multiport ซึ่งเราจะเลื่อนวาล์วให้อยู่ในตำแหน่งนี้ก็ต่อเมื่อเช่น ถังกรองแตก ถังกรองรั่ว เมื่อมีการเติมสารเคมีบางอย่าง เช่นเติมสารส้มลงในสระน้ำ เพระสารส้มจะทำให้เกิดการอุดตันที่ทรายกรอง ทำให้ทรายในถังกรองมีการจับตัวเป็นก้อน waste เมื่อปรับวาล์วที่ตำแหน่งนี้ น้ำจะไหลเข้าจากท่อน้ำเข้าของหัว multiport valve แล้วออกไปยังท่อน้ำทิ้ง waste ของหัว multiport valveซึ่งเราจะปรับวาล์วไปที่ตำแหน่งนี้ก็ต่อเมื่อ เช่น เอาน้ำออกจากสระน้ำ ดูดตะกอนในสระน้ำทิ้ง closed เมื่อปรับวาล์วที่ตำแหน่งนี้เมื่อเราต้องการปิดวาล์วไม่ให้น้ำเข้าไปยังถังกรอง(ห้ามเปิดปั้มน้ำในขณะที่วาล์วอยู่ที่ตำแหน่งclosedของหัว multiport ซึ่งอาจจะทำให้หัว multiport เสียหายหรือชำรุดได้ )
การล้างถังกรองทราย(Back wash) ที่มีถังกรองมากกว่า 1 ใบ
1.ให้เราปรับวาล์วของหัว Multiport ไปยังตำแหน่ง back wash เฉพาะที่เราต้องการล้างถังกรองเท่านั้นส่วนถังกรองตัวอื่นให้เราปรับวาล์วที่ต่ำแหน่งของหัวmultiportไปยังตำแหน่ง Closed
2.จากนั้นให้เราเปิดปั๊ม 1 ตัว ดูก่อน ให้เราดูเกจด์วัดแรงดันภายในถังกรองแรงดันขึ้นสูงหรือต่ำถ้าปั๊มตัวใหญ่ถังกรองเล็กให้เราทำการ back wash ถังกรองหลายๆใบเลยก็ได้ให้เราดูเกจด์วัดแรงดันที่ถังกรองเป็นหลักเพราะถังกรองแต่ละชนิดแต่ละยี่ห้อรับแรงดันไม่เท่ากัน ถ้าถังกรองใหญ่และปั๊มตัวเล็ก การbackwashเปิดปั๊มตัวเดียวถังกรองอาจไม่สะอาดเพราะแรงดันไม่เพียงพอ ควรจะเปิดปั๊มหลายๆตัว ให้ดูที่ถังกรองเพื่อให้ได้แรงดันมี่แหมาะสม (ประมาณ 1.5-2.5bar)
ในกรณีที่หัว Multiport valve วาล์วติดค้างไม่สามารถปรับหมุนไปยังต่ำแหน่งใดๆได้ ซึ่งสาเหตุอาจมาจากเม็ดทรายหรือเศษวัสดุที่แข็งไปติดที่ โรเตอร์(Rotor) ของหัว multiport ห้ามเราใช้แรงบิดหมุนวาล์ว multiport ซึ่งอาจเกิดการชำรุดเสียหายกับหัว multiportได้
ให้เราปฏิบัติดังนี้
ในกรณีสระว่ายน้ำอยู่แนวระดับที่สูงกว่าห้องปั๊ม
1.ให้เราปิดปั๊มสระว่ายน้ำ จากนั้น ให้เราเปิดวาล์วของMain drain
2.ให้เราโยกวาล์วโดยกดก้างวาล์วขึ้นลงของวาล์วmultiportโดยใช้แรงดันภายในท่อ Main drainในการดันเม็ดทรายหรือเศษวัสดุออก
ในกรณีที่ถังกรองอยู่สูงกว่าระดับสระว่ายน้ำ
1.ให้เราโยกเบาๆโดยกดก้างวาล์วของหัวMultiportขึ้นลงตอนที่ปั๊มสระว่ายน้ำทำงานอยู่ไม่ต้องหมุนวาล์วถ้าไม่ออกให้กดวาล์วขึ้นลงทำไปเรื่อย (ถ้าไม่ออกจริงๆให้กลับนอนซะ) วิธีสุดท้ายเราต้องแกะน๊อตของหัวmultiportออก
การใส่ ซีนยางห้าแฉก(Spider gasket) ของหัว multiport valve
1.ปิดสวิตซ์ของปั๊มสระว่ายน้ำ
2.ให้ปิดวาล์วก่อนเข้าถังกรองทั้งหมดและหลังออกถังกรองทั้งหมด
3.ไล่อากาศในถังกรองออกโดยการหมุนเกลียวจุกไล่อากาศของถังกรองหรือของหัว Multiport
4.ให้กดที่ก้างวาล์วของMultiport valve แล้วดันขึ้นเลื่อนที่ต่ำแหน่งอย่าให้ตรงช่องของต่ำแหน่งใดเพื่อกดสปริงข้างในลง
5.เอาสครูที่ยึดหัว Multiport ออก
6.ยกส่วนที่ประกบด้านบนของหัวMultiport ออก จะเห็นลักษณะการอยู่ของซีนยางห้าแฉก ถ้าซีนยางอยู่ในลักษณะปกติ ซีนยางจะอยู่ในร่องของซีนยางจะไม่บิดเบี้ยวหรือหลุดออก
7.ถ้าซีนยางหลุดออกหรือเสื่อมสภาพ ให้เราดึงออกแล้วทำความสะอาดร่องของซีนยางโดยการขูดคราบกาวหรือซิลิโคนเก่าออกและเศษซีนยางเก่าออกให้หมด
8.ทำให้แห้งในร่องที่จะใส่ซีนยางด้วยผ้าที่สะอาดหรือทิชชูก็ได้
9.เอา ซิลิโคนหรือกาว ทาในร่องซีนยางให้ทาพอประมาณ
10.เอายางห้าแฉก (spider gasket) ใสตามรอยให้ถูกตามรอง(ให้สังเกตด้านบนจะนูนด้านล้างจะเรียบของยางห้าแฉก) ให้ใสด้านเรียบลงในรองของยางห้าแฉกจากนั้นใช้นิ้วชี้กดที่ยางห้าแฉก เพื่อให้ยางอยู่ในระดับที่เท่ากัน
11. หรือให้ประกอบกลับให้เหมือนเดิมจากนั้นให้ปรับวาล์วที่ต่ำแหน่งของFilter เพื่อให้ Rotor ที่อยู่ด้านในกดทับ (spider gasket)ไว้
Header
คือเป็นจุดศูนย์รวมของท่อต่างๆเพื่อให้ท่อน้ำไหลเข้าไปจุดเดียวกัน โดยปกติแล้วที่ Headerจะท่อน้ำที่เข้าคือส่วนที่มาจาก main drain (สะดือสระ)ส่วนที่มาจาก surge tank (บ่อพักน้ำ)ส่วนที่มาจาก (vacuum) ท่อดูด แล้วน้ำจะไหลออกเข้าไปยังปั้มสระว่ายน้ำหรืออาจจะกล่าวได้ว่าหรือจะมีท่อน้ำที่ปั้มสระว่ายน้ำดูดท่อ header เข้าไปยังสระว่ายน้ำแล้วเข้าไปยังถังกรอง ในแต่ละท่อไว้เพื่อใช้ในการควบคุมการไหลของน้ำ เช่นถ้าเราต้องการดูดตะกอนในสระ เราจะเปิดวาล์วของ vacuum แล้วปิดวาล์วของmain drain แล้วปิดวาล์วของ surge tank ถ้าเราต้องการจะดูดน้ำจาก main drain ให้เราปิดวาล์วของ surge tank กับวาล์วของ vacuum ซึ่งเราสามารถเปิด-ปิดที่ละวาล์วถ้าเราอยากจะทราบของท่อแต่ละline
*ข้อควรระวัง
ขณะที่จะมีการเปิด-ปิดวาล์วควรจะปิดปั้มก่อนและให้การตรวจเช็ดฝาอุดของท่อ Vacuum ที่อยู่ในสระน้ำเสียก่อน
ถังกรอง(Filter)คือเป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งที่ใช้ในการดักสิ่งสกปรกต่างๆไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพหรือทางเคมี
การกรองทางกายภาพคือการแยกแยะสิ่งสกปรกสิ่งที่ไม่ต้องการเช่น เศษใบไม้ เศษของแข็ง ตะไคร่น้ำความขุ่นของสี แยกออกจากน้ำเพื่อให้น้ำสะอาด
การกรองทางเคมีคือการดูดซับและกำจัดไอออนต่างๆที่มีอยู่ในน้ำ เช่น น้ำสนิมเหล็ก น้ำที่เจือปนด้วยโลหะต่างๆ
ถังกรองที่ใช้ในสระว่ายน้ำมีหลายแบบหลายชนิดด้วยกันแต่ที่นิยมใช้กับสระว่ายน้ำมี 3 แบบด้วยกัน
1.ถังกรองทราย
2.ถังกรองผ้า
3.ถังกรองกระดาษ
ถังกรองทราย
ถังกรอง คือเป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งที่ใช้ในการดักสิ่งสกปรกต่างๆไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพหรือทางเคมีการกรองทางกายภาพ คือการแยกขยะสิ่งสกปรกสิ่งที่ไม่ต้องการ เช่น เศษใบไม้ เศษน้ำแข็ง ตะไคร้น้ำ ความขุ่นสีแยกออกจากน้ำเพื่อให้น้ำสะอาด
การกรองทางเคมี คือ การดูดซับและกำจัดไอออนต่างๆที่อยู่ในน้ำ น้ำสนิมเหล็ก น้ำที่เจือปนด้วยโลหะต่างๆให้น้ำนั้นสะอาดโดยปกติแล้วเคื่องกรองน้ำที่ใช้ในสระว่ายน้ำมีหลายแบบหลายชนิดด้วยกันแต่ที่นิยมใช้อยู่กับระบบสระว่ายน้ำมี 3 แบบด้วย
1.ถังกรองทราย
2.ถังกรองผ้า
3.ถังกรองกระดาษ
1.1ถังกรองทรายที่ใช้ในสระว่ายน้ำมี 2 แบบ ด้วยกัน ถังกรองทรายแบบ Top mount คือ ถังกรองทรายที่มีหัว multiportอยู่ส่วนบนของถังกรอง อีกแบบหนึ่งเราเรียกว่าถังกรองทรายแบบ site mount คือ ถังกรองที่มีหัว multiport อยู่ข้างๆถังกรอง
เหตุผลที่เราเรียกถังกรองทรายเพราะส่วนใหญ่ที่เราใส่ในถังกรองจะเป็นทราย ซึ่งที่จริงในถังกรองเราสามารถใช้สารกรองอื่นๆ(media)แล้วแต่ตามจุดประสงค์ที่เราต้องการ เช่น manganese zeolite เป็นสารกรองที่สามารถกำจัดน้ำที่มีค่าเหล็กสูง น้ำสนิม ผงถ่านใช้ในการกำจัดน้ำที่มีกลิ่น และพวกไอออนอื่นๆ Resin ใช้ในการกำจัด ไอออนชนิดต่างๆ Fe2+, Fe3+,NO3,PO2-4และความกระด่างของน้ำ สาร zeolite เป็นสารที่ช่วยลดความกระด่างของน้ำและกำจัด ไอออนชนิดต่างๆได้เหมือนเพราะคุณสมบัติพิเศษของ Zeolite คือ มีรูพรุนสามารถดูดวับไอออนชนิดต่างๆและกลิ่นได้ดี
การใส่ทรายในถังกรองในกรณีที่ถังกรองเป็นแบบ top mount
1.แกะหัว multiport valve ออก ให้สังเกตจะมีแกนท่ออยู่ในถังกรองจะต่อไว้กับหัว multiport valve ซึ่งเราสามารถดึงออกมาได้ (ระวัง ซีนยางหาย)
2.จัดแกนท่อกับรูเสียบของหัวMultiport ให้ตรงกัน
3.เติมน้ำในถังกรองให้เต็มถังกรอง
4.ค่อยๆเติมทรายตามปริมาณที่ถังกรองได้ระบุไว้ขนาดของทรายที่จะใส่ล่งในถังกรองมีความสำคัญมากที่จะให้การกรองมีประสิทธิภาพโดยให้เราพิจารณาขนาดของปั๊มและขนาดของถังกรอง ขนาดของทรายที่เราใส่ต้องมีความเหมาะสมกัน ขนาดของทรายที่ใช้กับถังกรองมีหลายขนาดด้วยกัน ตั้งแต่ขนาด 0.2 มิลลิเมตรจนถึงขนาด 1.2 มิลลิเมตร ส่วนใหญ่จะเลือกทรายขนาดใหญ่เอาไว้เป็นส่วนฐาน แล้วค่อยเติมทรายขนาดที่เหมาะสมลงไป โดยทั่วไปทรายที่เราใช้ในถังกรอง ขนาด 0.4 มิลลิเมตร
5.ให้ใส่ทรายตามปริมาณที่ฉลากบนถังกรองได้ระบุไว้ หรือให้เหลือไว้ 20 เซนติเมตร จากปากของถังกรอง ถ้าใส่ทรายมากเกินไป การทำงานของปั๊มสระว่ายจะหนัก การหมุนเวียนของน้ำก็จะช้า และทรายอาจพ้นในสระได้
6.ขณะที่ใส่ทรายให้ระวังอย่าให้ทรายเข้าไปในท่อแกนของถังกรองเพราะจะทำให้ทรายไปอุดในท่อแกนถังกรอง
7.ประกอบหัว Multiportเข้ากับถังกรอง (ระวังอย่าให้ เม็ดทรายเข้าไปอุดที่ซีนยาง)
8.ให้ทำการ back wash ถังกรอง
9.ให้ทำการเปิดปั๊มสระว่ายน้ำเดินระบบตามปกติให้เช็คเกจด์วัดแรงดันที่ถังกรองขึ้นสูงหรือต่ำซึ่งให้เหมาะสมกับฉลากที่ถังกรองที่ได้ระบุบไว้
ในกรณีถังกรองทรายที่ใช้เป็นแบบ Size mount ให้แกะฝาถังกรองที่อยู่ด้านบนออก ให้ปิดปากที่แกนท่อด้วยถุงหรือฝาอะไรก็ได้เพื่อป้องการทรายลงไปในแกนท่อ จากนั้นให้เติมน้ำในถังกรองให้เต็ม ก่อนเติมทรายในถังกรอง ถังกรองต้องอยู่ในต่ำแหน่งที่เหมาะสม และได้ระดับ จากนั้นให้เติมทรายในถังกรองให้ทำตามขั้นตอนคล้ายๆกับถังกรองทรายแบบ top mount
ถังกรองผ้า
ถังกรองผ้าที่ใช้กับสระว่ายน้ำโดยส่วนใหญ่มี 2 แบบ แบบที่มีหัว multiport อยู่ข้างๆ(size mount) เช่น ของยี่ห้อ Hayward กับถังกรองที่ไม่มีหัว multiport เช่นของยี่ห้อ sta-rite เมื่อเราใช้ถังกรองผ้า สิ่งที่เราต้องเป็นประจำ คือ การล้างถังกรอง การที่เราจะล้างถังกรองให้เราสังเกตุจากเกจด์วัดแรงดันที่ถังกรองถ้าผ้ากรองเริ่มสกปรก เกจด์วัดที่อยู่บนถังกรอง จะสูงขีดสีแดง(ประมาณ 20- 30 psi) ซึ่งหมายความว่า จะมีแรงดันที่ถังกรองสูง การหมุนเวียนของน้ำก็จะช้า หรือสังเกตุได้ที่เสียงของปั๊มสระว่ายน้ำ
การล้างถังกรองผ้า
1.ให้ทำการ back wash เพื่อให้สิ่งสกปรกบ้างส่วนออก
2.ปิดวาล์วหน้าปั๊มและวาล์วที่จ่ายน้ำเข้าไปในสระ(ถ้ามีcheck valveแล้วไม่ต้องปิดก็ได้)
3.เปิดฝ้าเกลียวที่ใต้ถังกรองหรือวาล์วน้ำทิ้งในถังกรอง เอาน้ำในถังกรองออก
4.เปิดเกลียวจุกไล่อากาศออกเพื่อไล่แรงดันในถังกรองออก
5.แกะเกลียว เหล็ก ยึด ถังกรองออก
6.เปิดฝ้าถังกรองออก
7.ดึงส่วนที่เป็นฝ้าถังกรองออก
8.นำไปฉีกด้วยน้ำจากด้านนอกหรือด้านในโดยแกะสครูออกแล้วดึงแผ่นผ้ากรองออกมาที่ละซีมาฉีกล้างน้ำหรือใช้แปรง ในลอน(Nylon Brush) แปรงเบาๆห้ามใช้แปรงลวดเพราะทำให้ผ้ากรองเสียหายได้
*หมายเหตุถ้าผ้ากรองสกปรกมากอาจนำผ้ากรองไปแช่ในถังที่มีคลอรีนน้ำ แช่ไว้ 1 คืน เพื่อเอาคราบสกปรกออก หรือ อาจแช่ในน้ำกรดที่เจือจาง 10 % เอา 1 หรือ 2 ชั่วโมง ห้ามแช่ในน้ำคลอรีนเข้มข้นหรือกรดเข้มข้นเพราะทำให้ผ้ากรองเสื่อมสภาพเร็ว
9.ล้างภายในถังกรอง
10.ประกอบผ้ากรองเข้ากับโครงยึดผ้ากรองโดยให้สังเกตจะมีผ้ากรองแผ่นที่เล็กที่สุดให้ใส่สุดท้ายให้ใส่โครงยึดตรงตำแหน่งช่องของผ้าผ้ากรอง
11.ปิดฝ้าเกลียวใต้ถังกรองให้แน่น
12. เตรียมผงกรอง ตามจำนวนของแต่ละถังกรองที่กำหนดไว้ที่ฉลากของถังกรอง ได้ระบุไว้
13.นำผงกรองเทลงในถังกรองเติมน้ำในถังกรองเพื่อกวนผงกรองให้เป็นเนื้อเดียวกัน
14.นำผ้ากรองที่ล้างแล้วส่วนกับท่อของถังกรองที่อยู่ในถังกรอง
15.ปิดฝากรองให้แน่นให้ยึดน๊อตเกลียวยึดโครงเหล็กถังกรองโดยค่อยๆหมุนเกลียวแล้วเคาะรอบๆโครงเหล็กยึดไปเรื่อยๆจนกว่าจะแน่น(หรือให้ครูพันตัวน๊อต)(ในกรณีที่เป็นถังกรองของยีห้อhay ward)
ในกรณีที่การล้างผ้ากรองที่เป็นของยี่ห้อ sta-rite.
1.ให้เราเอาน้ำในถังกรองออกก่อนโดยการเปิดเกลียวที่ใต้ถังกรองออก จากนั้นให้เปิดจุกไล่อากาศ
2.กดตัวล็อกแล้วหมุนเกลียวล็อกถังกรองออก
3.ดึงฝ้าครอบถังกรองออก
4.ดึงแผ่นกรองข้างในออก
5.นำแผ่นกรองไปฉีกน้ำล้างทำความสะอาด
6.ทำความสะอาดยาง O-ringรอบๆถังกรอง
7.นำแผ่นกรองที่สะอาดแล้วใส่ให้ตรงล็อกของผ้ากรอง
8.ปิดเกลียวใต้ถังกรองให้แน่น
9.ใส่ผงกรองDEตามจำนวนที่ถังกรองได้ระบุไว้ (ให้ดูที่ฉลากของถังกรอง)
10.เปิดวาล์วน้ำก่อนเข้าถังกรองและหลังออกถังกรองแล้วเปิดปั๊มตามปกติ
*หมายเหตุ เมื่อเปิดปั๊มสระว่ายน้ำใหม่ให้เปิดจุกไล่อากาศให้น้ำเต็มถังกรอง อาจจะมีผงกรองพ้นออกเข้ามาในสระว่ายน้ำเล็กน้อยค่อยๆดูดเข้าถังกรองที่หลัง
การล้างถังกรองแบบกรองกระดาษ
1.เปิดจุกไล่อากาศออกโดยเอาน้ำและแรงดันในถังกรองออก
2.ปิดวาล์วก่อนเข้าถังกรองและหลังออกถังกรอง
3.เปิดเกลียวยึดฝ้าครอบถังกรองออกแล้วดึงฝ้าครอบขึ้น
4.ดึงไส้กรองออกนำไปฉีกล้างน้ำถ้าฉีกไม่ออกให้นำไปแช่ในน้ำคลอรีนหรือน้ำกรดเจือจาง(10%)
5.นำไส้กรองใส่ให้ตรงช่องของไส้กรองแล้วนำฝ้ากรอบถังกรองใส่ให้ระวังยางO-ringของฝ้าครอบถังกรองต้องใส่ให้ตรงช่องเพราะอาจให้น้ำรั่วได้
6.ปิดเกลียวฝ้าครอบถังกรองให้แน่นเปิดวาล์วก่อนเข้าถังกรองและหลังออกถังกรองทำการเปิดปั๊มสระว่ายน้ำไล่อากาศให้น้ำเต็มถังกรองปิดจุกให้แน่น
อุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมปั๊มสระว่ายน้ำ(Control box)
มีดังต่อไปนี้
1.Timer
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของปั๊มเราสามารถกำหนดการทำงานของปั๊มในแต่ละช่วงเวลาที่เราต้องการ การทำงานของปั๊มจะใช้เวลานานหรือช่วงเวลาสั้นซึ่งต้องสอดคลองกับ Flow ปั๊ม ขนาดของสระว่ายน้ำ ถ้ามีเครื่องผลิตคลอรีนแบบอัตโนมัติ (salt chlorinator) ต้องให้สัมพันธ์จำนวน แก๊สคลอรีนที่ผลิตออกมาได้ที่จะจ่ายเข้าไปในสระซึ่งสังเกตได้จากการ ทดสอบค่าฟรีคลอรีนที่อยู่ในสระน้ำ และปั๊มแต่ละชนิดแต่ละยี่ห้อจะมีการดุดน้ำหรือการไหลของน้ำที่จ่ายเข้าไปในสระไม่เท่ากัน ชึ่งปั๊มส่วนใหญ่จะบอกไว้ที่ name plate
ตัวอย่างเช่น
ปั๊มตัวหนึ่งเขียนบอกไว้ที่ Name plate ว่า 320ลิตร/นาที หมายความว่าในสภาวะปกติคือขนาดของท่อน้ำกับความยาวของท่อน้ำระดับความสูงที่กำหนดไว้ปั๊มตัวนี้สามารถดูดน้ำได้ที่ 320 ลิตร ต่อ นาที
ตัวอย่างเช่น
เช่นสระขนาด 30 M3 ถ้าปั๊มสระว่ายน้ำสามารถดูดน้ำได้ที่ 420ลิตร/นาทีแสดงว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไร
การคำนวณ
ปั๊มทำงาน 1 นาที่ ดูดน้ำได้ 420 ลิตร
ถ้าปั๊มทำงาน 1 ชม. ดูดน้ำได้ 420 * 60 = 25200 ลิตร
ถ้าสระ 30000 ลิตร ดูดน้ำได้ 30000/25200 =1 ชม 20 นาที
แสดงว่าถ้าไม่มีปัจจัยอื่นที่ทำให้การไหลของน้ำช้าลงต้องใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที แต่ในความเป็นจริงการไหลของน้ำหรือการดูดน้ำของปั๊มจะช้าลงเพราะมีสิ่งกีดขวางอยู่หน้าปั๊ม เช่น ถังกรอง วาล์วชนิดต่างๆ ขนาดของท่อ ความยาวของท่อ
ดั้งนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดในการตั้ง timer เพื่อให้น้ำหมุนเวียนได้ครบรอบในหนึ่งหน่วยเวลาในการดูดน้ำของปั๊มที่จ่ายเข้าไปในสระให้เราจับเวลาในขณะที่ระบบทำงานปกติเมื่อปั๊มน้ำดูดน้ำจาก Surge tank จ่ายไปยังสระน้ำ วัดระดับน้ำจากจุดเริมต้น คือ เมื่อเราเปิดปั๊มสระว่ายน้ำให้เราวัดระดับความแตกต่างของน้ำในสระน้ำ เช่นเมื่อเราเปิดปั๊มสระว่ายน้ำ ระดับน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับขอบสระ 20 เซนติเมตร เมื่อเวลาผ่านไป 10 นาที วัดระดับน้ำอยู่ต่ำกว่าขอบสระ 10 เซนติเมตร แสดงว่าผลต่างของน้ำในสระที่เพิ่มขึ้น 10 เซนติเมตร (ถ้านึกภาพไม่ออกกลับไปนอนตะแคงซะแล้วมาอ่านใหม่)
ตัวอย่างเช่น
สระสี่เหลียมกว้าง 10 เมตร ยาว 5 เมตร ลึก 1.5 เมตร เมื่อเปิดปั๊มสระว่ายน้ำ 10 นาที วัดผลต่างของระดับน้ำในสระน้ำที่เพิ่มขึ้น 7 เซนติเมตร จงหาว่า 1 ชั่วโมง ปั๊มจะดูดน้ำจ่ายเข้าไปในสระน้ำได้กี่ลูกบาศก์เมตร จะต้องใช้เวลากี่ ชั่วโมง ปั๊มจะหมุนเวียนได้ครบ 1 รอบ
วิธีการคำนวณ
10 นาที ปั๊มดูดน้ำจ่ายในสระน้ำได้ 7 cm จะได้ 10 x 5 x 0.07 = 3.5 ลูกบาศก์เมตร
1 ชั่วโมงปั๊มดูดน้ำจ่ายในสระน้ำได้ 60 x 3.5/10 =21 ลูกบาศก์เมตร
ปริมาตรของน้ำในสระน้ำ = 10 x 5 x 1.5 = 75 ลูกบาศ์กเมตร
ปริมาตรน้ำ 21 m3ปั๊มตัวนี้ใช้เวลาดูดน้ำได้ 1 ชั่วโมง
ถ้าปริมาตรน้ำ 75 m3ปั๊มตัวนี้ใช้เวลาดูดน้ำจะได้ 75 x 1/ 21 = 3 ชั่วโมง 57 นาทีหรือประมาณ 4 ชั่วโมง
ดังนั้น ในการ ตั้งเวลา การทำงานของปั๊มตัวนี้ในแต่ละรอบ ประมาณ 4 ชั่วโมงในแต่ละรอบ ซึ่งน้ำจะหมุนเวียนได้ครบ 1 รอบ เราเรียกว่า (Turn over)ทั้งนี้เพื่อให้น้ำในสระว่ายน้ำ ได้รับ ค่า free chlorine อย่างถัวถึงกันหรือสารเคมีที่เราเติมลงไป
Surge tank (บ่อพักน้ำ)
คือ ส่วนที่เป็นที่กักเก็บน้ำส่วนเกินที่ใช้กับระบบสระว่ายน้ำ ที่ต้องการให้น้ำเอ๋อล้น จากสระว่ายน้ำเข้าในร่างระบายน้ำ(Gutter) แล้วหมุนเวียนเข้าไปใน Surge tank อีกครั้งหนึ่ง สระว่ายน้ำส่วนใหญ่จะมี surge tank ทั้งนี้เพื่อง่ายต่อการดูแลสระว่ายน้ำสระว่ายน้ำดูเป็นธรรมชาติ
ใน Surge tank จะประกอบด้วย
1.ท่อน้ำส่วนเกิน(ท่อ over flow)ใช้เพื่อป้องกันน้ำส่วนเกินที่เก็บไว้ใน surge tank เช่น กรณีฝนตก กรณีเติมน้ำในสระว่ายน้ำมากเกินไป น้ำที่เกินความจำเป็นเหล่านี้จะไหลออกทางท่อนี้ไหลทิ้งลงในคูระบายน้ำ ไม่สมควรที่จะต่อท่อ over flow เข้ากับท่อ back wash ของถังกรองในระบบสระว่ายน้ำ การทำ surge tank ของสระว่ายน้ำ ควรจะให้มีน้ำรองรับใน surge tank ประมาณ 7% ของปริมาตรสระว่ายน้ำ ดังนั้นการทำระดับของท่อ over flow ใน surge tank ควรจะคำนวณปริมาตรของน้ำที่รองรับด้วย
2.ท่อของ Foot valve
เป็นท่อน้ำที่ต่อจาก surge tank ไปยังห้องปั๊ม การทำท่อ foot valve ควรจะอยู่ในต่ำแหน่งที่เหมาะสม ขนาดของท่อต้องสมดุลกับขนาดของสระว่ายน้ำ
3.ท่อจากร่างระบายน้ำ(Gutter) ไปยังsurge tank
ท่อที่ใช้ควรจะใช้ท่อที่มีขนาดใหญ่ควรจะใหญ่กว่าท่อ Foot valve3-4 เท่า หรือมีหลายท่อถ้ารางระบายน้ำกับsurge tank อยู่ห่างกันมาก และมีควรลาดชันพอสมควรทังนี้เพื่อป้องกัน การไหลลง surge tank ได้ ทัน ไม่ควรจะมีข้อต่อหรือข้อมาก เพื่อป้องกันขยะและการเกิด air lock
4.ท่อเติมน้ำ (water supply)
ควรจะทำท่อเติมน้ำพร้อมๆกับการทำ Surge tank ไม่ควรจะทำ surge tank ก่อน แล้วมาทำเติมน้ำที่หลังทำให้ยุ่งยากในการเดินท่อและเสียค่าใช้จ่ายเยอะกว่า ในการติดตั้งวาล์วและท่อน้ำที่เหมาะสมและควรจะได้ระดับ ในต่ำแหน่งที่ง่ายต่อการเปิดปิดและตรวจเช็ค สระว่ายที่มี surgetankส่วนใหญ่จะมีลูกลอยเติมน้ำหรือระบบ solenoid valve ส่วนใหญ่ที่เจอปัญหาคือการติดตั้งลูกลอยเติมน้ำที่ไม่ได้ระดับที่เหมาะสมและผิดตำแหน่งซึ่งมีผลลูกลอยเสียง่าย และเปลืองน้ำ
ก่อนการติดตั้งลูกลอยเติมน้ำควรพิจารณาความเหมาะต่อไปนี้
1.ระดับของท่อน้ำทิ้ง(ท่อ Over flow) ในsurge tank
2.ปริมาตรของน้ำที่น้ำใน surge tank เพียงพอที่จ่ายเข้าไปในสระแล้ว เอ่อล้นกลับเข้าใน surge tank
3.ระดับของ foot valve ที่อยู่ใน surge tank
4.บอลวาล์วไว้ปรับแรงดันของน้ำเข้าลูกลอย
5.ฝาเปิดปิด Surge tank
ฝาเปิดปิดของ Surge tank ควรจะเป็นฝาที่สามารถเปิดปิดได้ง่าย ทนแดด ทนฝน ไม่ขึ้นสนิมได้ง่าย ส่วนใหญ่จะใช้อะลูมิเนียมหรือ ไฟเบอร์กลาส ทั้งนี้เราสามารถ ทำ surge tank ด้วยปูนหรือถังสำเร็จรูปทั้งนี้ให้ดูความเหมาะสมและสามารถทำการซ่อมได้เมื่อ surge tank มีปัญหา
ตู้ควบคุมระบบการทำงานของปั๊ม(Control box)
เป็นตู้ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของปั๊มป้องกันปั๊มสระว่ายน้ำไม่ให้เสียหายมากจากไฟฟ้าตกและในตู้ควบคุมจะมีอุปกรณ์ต่างๆที่ทำงานดังนี้
1.Magnetic Overload
ใช้ในการป้องกันปั๊มสระว่ายน้ำเมื่อแรงดันไฟฟ้าตกแรงดันไฟฟ้าไม่เพียงพอไฟฟ้าเกิดการกระชาก ซึ่งตัว Magnetic Overload จะช่วยป้องกันไม่ให้ Motor ของปั๊ม เกิดการ over heat ซึ่งจะทำให้ Motor ของปั๊มไหม้ได้
2.Breaker
เป็นตัวตัดวงจรไฟฟ้าเมื่อกระแสไฟฟ้าเกินกำหนดที่ได้ระบุไว้บนตัว Breakerหรือใช้ตัดระบบไฟฟ้าเมื่อเราต้องการซ่อมระบบไฟฟ้าหรือใช้เมื่อเราต้องการปิดระบบไฟฟ้าของสระว่ายน้ำ
3.Selector switch
เป็นสวิทส์ไฟฟ้าที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของปั๊มของสระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำส่วนใหญ่จะใช้สวิทส์ไฟฟ้าแบบนี้เพราะสามารถเลือกให้ทำงานเป็น Auto หรือ Manual ได้
4. Fuse
เป็นอุปกรณ์ที่ตัดกระแสไฟฟ้าเมื่อระบบไฟฟ้าเกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือกระแสไฟฟ้าเกินกำหนดของฟิวส์ที่ได้ระบุไว้ที่ตัวฟิวส์
5.Transformer (หม้อแปรงไฟฟ้า)
เป็นหม้อแปรงไฟฟ้าที่ใช้กับหลอดไฟในสระว่ายน้ำโดยส่วนใหญ่เขาจะนิยมใช้หม้อแปรงไฟฟ้าที่ให้แรงดันไฟฟ้าจาก 220 Volt เป็น 12 volt หรือ อาจใช้หม้อแปรงไฟฟ้าที่ให้แรงดันไฟฟ้า 24 volt ก็ได้
6.Timer
เป็นอุปกรณ์ที่ควบคุมการทำงานของปั๊มสระว่ายน้ำให้เป็นเวลาตามที่เราต้องการ
Turn over
ช่วงเวลาที่เรากำหนดให้ปั๊มสระว่ายน้ำทำงานให้น้ำในสระว่ายน้ำหมุนเวียนได้ทั่วถึ่งภายใน 1 รอบ ของการเปิดปั๊มสระว่ายน้ำ โดยให้เราเช็คค่า Free chlorine ในน้ำ ประสิทธิภาพการกรองของถังกรอง โดยทัวไปสระว่ายน้ำขนาด 50 ลูกบากศ์เมตร ถึง 100 ลูกบากศ์เมตร เราจะเปิดปั๊มให้ทำงาน 2 รอบ รอบละ 3 หรือ 4 ชั่วโมง ให้ปั๊มทำงาน 7 หรือ 8 ชั่วโมง ต่อวัน ส่วนสระว่ายน้ำที่มีขนาดเล็กกว่า 50 ลูกบากศ์เมตร ควรจะให้ปั๊มสระว่ายน้ำทำงานประมาณ 4 ถึง 6 ชั่วโมง
ความสมดุลของน้ำในสระว่ายน้ำ
โดยปกติตามมาตรฐานของสระว่ายน้ำทั่วไปค่าต่างๆที่เราควรจะทดสอบ(Test) และให้ความสนดุลในสระว่ายน้ำมีค่าดังนี้
ชุด ทดสอบ ความสมดุล ของสระน้ำ
1.ค่าของคลอรีนอิสระ(Free Available Chlorine)(FAC)
ซึ่งโดยทั่วไปตามมาตรฐานของสระว่ายน้ำในเขตร้อนควรจะมีค่าของคลอรีน อิสระ อยู่ในช่วง 1 ถึง 3 ppm ตัวที่จะให้มีค่าของคลอรีนอิสระในสระว่ายน้ำ มี สารประกอบชนิดต่างๆ
คลอรีน
เป็นสารเคมีประเภท ออกซิไดชิง เอเจน(Oxidizing agent)ซึ่งเป็นสารเคมีที่จัดอยู่ในสารที่ใช้ในการเชื้อชนิดต่างๆที่อยู่ในน้ำ ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย(Bacteria)ชนิดต่างๆหรือตะไคร่น้ำ(Algae)คุณสมบัติของสารเหล่านี้คือจับตัวกับสารชนิดอื่นๆได้ดี สารเคมีที่ใช้ในการแทนสารคลอรีนในการฆ่าโรคได้มีสารประเภท Bromine ‘Iodine ‘ Potassium permanganate(KMnO4) ซึ่งสารเหล่านี้เป็นสารออกซิไดซ์ เป็นสารเคมีของธาตุหมู่ 7 ในตารางธาตุ(ถ้าไม่เข้าใจไปนอนก่อนแล้วกลับอ่านใหม่) คลอรีนจะทำงานได้ดีเมื่ออยู่ในสระน้ำเมื่อค่าของ pHในน้ำนั้นมีค่า pH อยู่ในช่วงที่เหมาะสม คลอรีนที่ใช้ในสระน้ำมีหลายชนิดด้วยกันเช่น แคลเซียมไฮโปคลอไรท์ (Ca(OCl)2 , โซเดียมไฮโปคลอไรท์ (NaOCl) , ลิเทียมไฮโปคลอไรท์Li(OCl) ซึ่งคลอรีนแต่ละชนิดจะมีความเข้มข้นที่แตกต่างกันควรจะคำนวณก่อนเติมลงในสระน้ำเพื่อให้ได้ค่าคลอรีนที่เหมาะสม
คลอรีนที่อยู่ในน้ำแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1. Total Available Chlorine(TAC) คือ ผลรวมของคลอรีนทั้งหมดที่อยู่ในน้ำไม่ว่าจะอยู่ในรูปใดก็ตาม
2.Combined Available Chlorine(CAC) คือ ครอรีนที่จับกับไอออน พวก เช่น แอมโมเนียมไอออน(NH4+) เฟอรัส ไอออน(Ferrous ion) เมนกานิสไอออน(Manganese ion) ซึ่งเมื่อคลอรีนรวมตัวกับสารเหล่านี้ทำให้คลอรีนมีประสิทธิภาพในการฆ่าตะไคร่น้ำและเชื่อโรคลดลงและน้ำจะเปลี่ยนสีและมีกลิ่น ถ้าแหล่งที่มาของน้ำที่เติมลงไปในสระมีแร่ธาตุสูง เช่น สนิมเหล็กสูง หรือ ค่า แอมโมเนียมสูง เราควรจะกำจัดไอออนต่างๆเหล่านี้เสียก่อน เช่น อาจใช้เรซิน หรือสารกรองชนิดพิเศษพวก Ziolite ที่สามารถดึ่งไออนเหล่านี้ได้ หรืออาจใช้พวกน้ำยาเคมี เช่น สเตนทรีน(stain trine), โซเดียมไทโอซัลเฟต(Sodium Tiosulfate) แต่วิธีการแก้ไข้โดยทั่วไป ให้ใช้คลอรีนมากเกินพอ หรืออาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การ short น้ำ ด้วยคลอรีน ทั้งนี้เพื่อให้คลอรีนทำปฏิกิริยาอย่างสมบูรณ์ กับไอออนต่างเหล่านี้ ซึ่งเราจะกล่าวในหน้าต่อไปในการคำนวณ
3.Free Available Chlorine (FAC) คือคลอรีนที่เหลือหลังจากที่ คลอรีนรวมตัวกับไอออนตัวอื่นๆหมดแล้ว เราจึงเรียกว่า คลอรีนอิสระ คลอรีนอิสระจะทำหน้าที่ในการดักจับเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมลงไปในสระน้ำ ไม่ว่าจะเป็น ตะไคร่น้ำ แคททีเรีย เชื้อโรคต่างๆ ไอออนต่างๆ ที่มากับน้ำที่เติมลงไปใหม่ เวลาเราหาค่าคลอรีนที่อยู่ในน้ำเราจะหาค่าของคลอรีนอิสระที่อยู่ในสระน้ำ
การหาค่าคลอรีนอิสระเราสามารถทราบค่าได้ถ้าเราทราบค่าของ คลอรีนทั้งหมดที่อยู่ในน้ำ(TAC) และค่าของคลอรีนหลังจากได้รวมกับไอออนตัวอื่นหมดแล้ว(CAC)ซึ่งจะได้ค่าดังนี้
TAC = CAC + FAC
ในการที่เราต้องการกำจัดค่าของ Combined Available Chlorine (CAC) ควรจะใช้ 10 เท่า ของค่า Free Available Chlorine (FAC) หรือ 30 ppm free chlorine ถ้าเป็นน้ำดิบที่เติมใหม่
ตัวอย่างเช่น
น้ำดิบเติมลงไปในสระน้ำ 50 m3 ต้องใช้คลอรีน กี่ กิโลกรัม เพื่อให้ได้ค่าของ คลอรีนอิสระ 5 ppm ถ้าใช้คลอรีนผง 90% เป็น calcium hypochlorite (Ca(OCl)2
วิธีทำ
เราต้องการให้สระน้ำมีความเข้มข้น 5 ppm หมายความว่า ในน้ำสระ 1 ลิตร เราต้องการให้มีคลอรีนอิสระ 5 มิลิกรัม
Ca(OCl)2 1 โมล แตกตัวให้ OCl- 2 โมล ถ้า Ca(OCl)2 143 กรัม จะให้ OCl- 103 กรัม
เราต้องการให้มี Free residual chlorine หมายถึง ให้มีค่า พวกนี้ในน้ำ Cl2 , HOCl , OCl- แต่เมื่อเราเติม แคลเซียมไฮโปคลอไรท์(Ca(OCl)2 แสดงว่า ค่าของ free chlorine จะได้จาก ค่า ของ OCl- 2 โมล
เราต้องการให้มีค่า ของ OCl- 5 มิลิกรัม ต่อ น้ำ 1 ลิตร แสดงว่าถ้าน้ำ 50000 ลิตร ต้องมี OCl- อยู่
50000 X 5 / 1000 = 250 กรัม แสดงว่าต้องใช้ แคลเซียมไฮโปคลอไรท์
จะได้ 250 X 143 / 103 = 347 กรัม
แต่ที่เราใช้ คลอรีน 90 % แสดงว่า ใน 100 กรัม มี สิ่ง เจื่อปน อื่นๆ อีก 10 % แสดงว่าต้องใช้คลอรีน
จะได้ 347 x 100 / 90 = 385 กรัม
เราต้องใช้คลอรีนผง 90 % ประมาณ 385 กรัม ในกรณีที่น้ำนั้นเป็นน้ำบริสุทธิ์ แต่ในความเป็นจริงน้ำดิบที่เราเติมลงไปในสระมันไม่เหมื่อนที่เราฝันไว้ เพราะน้ำดิบจะมีสิ่งเจื่อปนจะมากหรื่อน้อยขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของน้ำ โดยทั่วไปเราต้องเพิ่มอีก 5 เท่า ของที่เราคำนวณไว้ ดังนั้น ควร จะเติมคลอรีนผง 90 % 385 x 5 จะได้ 1925 กรัม หรือ ประมาณ 2 กิโลกรัม
ซึ่งจะได้สูตร สำหรับแคลเซียมไฮโปคลอไรท์
ปริมาตรของน้ำในสระ * ค่า free chlorineที่เราต้องการ * อัตราส่วนของคลอรีนที่แตกตัวให้ Cl2 , OCl- , HOCl * เปอร์เซ็นของคลอรีน
ตัวอย่างที่ 2
ปริมาตรน้ำในสระรวมกับ surge tank (สระไม่รั่ว) คำนวณได้ 80 m3 ต้องการให้ได้ค่า free chlorine 4 ppm ขณะนั้นวัดค่า free chlorine ได้ 2 ppm ต้องเติม คลอรีนอีกเท่าไร ถ้าใช้คลอรีนผง 70 % เป็นแคลเซียมไฮโปคลอไรท์
วิธีคำนวณ
จากสูตรแทนค่า 80 x 2 x 1.38 x 100 / 70
จะได้ 315 กรัม
แสดงว่าเราต้องใช้คลอรีนผง 70% เป็น แคลเซียมไฮโปคลอไรท์ ประมาณ 315 กรัม
ตัวอย่างที่ 3
สระน้ำ กว้าง 8 เมตร ยาม 10 เมตร ลึกเฉลีย 1.3 เมตร ถ้าใช้ คลอรีน น้ำ 10% ต้องใช้จำนวณกี่ถังเพื่อให้ได้ค่า คลอรีน 30 ppm คลอรีนน้ำเป็น Na(OCl) 10 %
วิธีคำนวณ
ปริมาตรของสระน้ำ 8 x 10 x 1.3 x 7 % = 112 m3
7 % คื่อ ปริมาตรของน้ำใน surge tank
จากสูตรจะได้ใหม่ว่า
112 x 30 x 74.5/51.5 x 100/10 = 48605 ml(1000ml = 1 ลิตร
จะได้ ปรมาณ 48.6 ลิตร หรือประมาณ 2 ถัง(1 ถัง คลอรีนน้ำ ประมาณ 25 ลิตร)
ในกระบวนการเติมคลอรีนในสระน้ำเราจะต้องทราบความเข้มข้นของคลอรีนที่เราใช้ เราต้องทราบปริมาตรน้ำของสระ ควรเติมคลอรีน ลงในร่าง Gutter หรือ surge tank ถ้ามีที่เติมคลอรีนควรจะใส่ที่เติมคลอรีน ถ้าเป็นคลอรีนน้ำเราสามารถเติมลงไปในสระได้เลย ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใส่คลอรีนก้อนลงหน้าปั๊มสระว่ายน้ำ เพราะจะทำให้อุปกรณ์เสียหายได้
การทดสอบค่า free chlorine ในสระว่ายน้ำ เราจะใช้ ชุด test kid โดยการเปรียบเทียบสี เราจะใช้น้ำยา OTO (orhtotolidine)หรือDPD(diethyl-p-phenylene di-amine)ที่เป็นเม็ด โดยเราจะ Test หลังจากที่เราเติม คลอรีน 24 ชั่วโมง คลอรีนที่นิยมใช้ในสระว่ายน้ำมี แคลเซียมไฮโปคลอไรท์(Ca(OCl)2 , โซเดียมไฮโปคลอไรท์(Na(OCl) ลิเทียมไฮโปคลอไรท์(Li(OCl)
สารที่ใช้ในการลดค่าของ free chlorine ในสระว่ายน้ำสวนใหญ่จะใช้ โซเดียมไทโอซัลเฟต(Na2S2O3)
ประโยชน์ของการเติมคลอรีนในน้ำ
1.เพื่อฆ่าเชื้อโรคในน้ำ เป็นการป้องกันการแพร่กระจ่ายของเชื้อโรคที่น้ำเป็นสื่อ เช่น ไทฟอยด์ อหิวา
2.ออกซิไดซ์พวกเหล็ก แมงกานีส ไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งเป็นตัวทำให้เกิดสีและกลิ่นของน้ำ
3.ทำลายสารอินทรีย์ซึ่งทำให้เกิดรสและกลิ่นในน้ำ
4.ควบคุมและฆ่าสาหร่ายและตะไคร่น้ำและเกือบทุกอย่างพืชพวก คลอโรฟิวไม่ให้เจริญเติบโต
5.เป็นตัวช่วยในการตกตะกอนให้ดีขึ้น
6.เป็นการลดค่า บีโอดี ของน้ำ
ปัญหาที่พบในการเติมคลอรีน
1.สารห้อยแขวน ซึ่งจะหุ้มแบคทีเรียไว้ไม่ให้ถูกทำลายโดยคลอรีน
2.แอมโมเนียในน้ำทำปฏิกิริยากับคลอรีนเกิดเป็นคลอรามีน ซึ่งมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคต่ำ
3.ไนไตรท์ในน้ำจะทำลายคลอรีนที่เติมลงไป นอกจากนี้ยังให้เกิดการเปลี่ยนสี
4.เหล็ก และ แมงกานีสในความเข้มข้นที่สูง เมื่อทำปฏิกิริยากับคลอรีน ทำให้เกิด false color และต้องใช้คลอรีนในปริมาณมากเพื่อฆ่าเชื้อโรค
(หัว electrode ที่ วัด ค่า pH และ คลอรีน อัตโนมัติ)
pH พีเอช ของสระว่ายน้ำ
ค่า pH ของสระว่ายน้ำที่ดี ควรจะอยู่ที่ ค่า pH ที่ 7.2 ถึง ค่า pH ที่ 7.8 คำว่าpH ย่อมาจาก (positive potential of the hydrogen ions) การบงบอกถึงจำนวนของ Hydrogen ions ที่มีอยู่ในน้ำ ถ้าในน้ำมีค่าhydrogen ions สูง (H+, H3O+)แสดงว่า มีค่า pH ต่ำ ในทางตรงกันข้าม ถ้าในน้ำมีค่า Hydrogen ionsต่ำหรือมีค่า hydroxide ions(OH-) สูง แสดงว่ามีค่า pH สูง เพื่อง่ายขึ้น โดยปกติ เราจะแบ่ง ออกเป็น 14 หน่วยคือ pH 1 ถึง pH 14 pH ที่ทำให้น้ำมีสถานะเป็นกรด pH จะอยู่ในช่วง pH1ถึง pH6 ส่วน pH ที่อยู่ในช่วง pH 8ถึงpH 14 จะมีคุณสมบัติเป็นเบสหรือเป็นด่าง ส่วนpH ที่อยู่ในช่วงpH 7 น้ำมีค่าเป็นกลาง
ปัญหาสำหรับค่า pH ของสระน้ำถ้า ค่า pH ในน้ำต่ำ
1.คลอรีนจะระเหยหายเร็ว จะเกิด คลอรามีนในน้ำได้ง่าย
2.จะเกิดการกัดกร่อนได้ง่าย จะแสบตา ร่องยาแนวจะหลุดง่าย
ปัญหาสำหรับค่า pH ของน้ำในสระน้ำเมื่อมีค่าสูง
1.จะเกิดคราบรอบๆสระน้ำได้ง่าย น้ำจะขุ่นหม่องได้ง่าย
2.จะเกิดการอุดตันของถังกรองได้เร็ว
3.ประสิทธิภาพในการทำงานของคลอรีนอิสระได้ไม่ดี
สารเคมีที่ใช้ในการปรับค่าpH ของน้ำในสระว่ายน้ำ มีอยู่ 2 กรณี ในกรณีที่ต้องการให้น้ำมีค่า pH ต่ำ จะใช้สารเคมีจำพวก กรดชนิดต่างๆ แต่นิยมใช้ในสระว่ายน้ำ มีกรดไฮโดรคลอริHydrochloric acid(HCL) (กรดเกลือ,
โซเดียมไบซัลเฟตSodium bisulfate(NaHSO4) (ดีเกลือ)
สารเคมีที่ใช้ในการปรับให้ค่าpH ของสระว่ายน้ำให้สูงขึ้น มีสารเคมีจำพวกด่างชนิดต่างๆ แต่ที่นิยมใช้ในสระว่ายน้ำมีผงฟูbakingSoda( Sodium bicarbonate)(NaHCO3) , ปูนขาว (Soda ash)(Sodium Carbonate)(Na2CO3) ,โซดาไฟ( Sodium Hydroxide)(NaOH)
การตรวจหาค่า pH ของสระว่ายน้ำมีวิธีการทดสอบหลายวิธีด้วยกัน แต่ที่นิยมใช้ในปัจุบัน จะเรียกว่า การทดสอบแบบใช้ชุด เทสคิต(test Kid) เป็นการเปรียดเทียบสีโดยใช้ phenol red เป็น อินดิเคเตอร์ 000
Total Alkalinity
คือผลรวมความเป็นด่างทั้งหมดที่มีอยู่ในน้ำไม่ว่าจะเป้นพวกคาร์บอเนต(CO23-) ไบคาร์บอเนต(HCO-3) ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการเปลียนแปลงของpH ที่มีอยู่ในน้ำทั้งสิน คือจะท้ำ pH ของน้ำสูงขึ้น ซึ่งจะตรงกันข้ามกับพวกกรด จะทำให้ pH ของน้ำลดลง ในสระว่ายน้ำค่า ของtotal alkalinity ที่ดีควรจะอยู่ในช่วง ระหว่าง 80 ถึง 130 ppm
ปัญหา Total alkalinity ที่มีผลกับน้ำในสระว่ายน้ำ
ถ้า Total alkalinity มีค่าต่ำเป็นระยะเวลานาน
1.จะทำให้มีค่า pH ต่ำด้วย ทำให้คลอรีนหายเร็ว
2.เพิ่มการกัดกร่อนในสระว่ายน้ำ
3.ทำให้เกิดคราบได้ง่าย
4.น้ำจะเขียวได้ง่าย
ถ้า Total alkalinity มีค่าสูงเป็นระยะเวลานาน
1.ยากในการปรับ pH
2.น้ำขุ่นได้ง่าย
3.ทำให้ ค่าของ pH สูงไปด้วย ประสิทธิภาพของคลอรีนลดต่ำไปด้วย
สารเคมีที่ใช้ในการปรับค่า Total alkalinity ในกรณีที่ต้องการให้ค่า Total alkalinityมีค่าสูงขึ้นเราจะใช้ผงฟู (Bakingsoda,SodiumBicarbonate(NaHCO3)หรืออาจใช้โซดาเอชก็ได้(Sodium Carbonate)(Na2CO3)
การทดสอบ ค่า Total alkalinity
การทดสอบมีหลายวิธีด้วยกันอยู่ที่เราต้องการซึ่งผลการทดสอบจะออกมามีค่าที่ใกล้เคียงกันแล้วแต่ความสะดวกของผู้ทดสอบแต่การทดสอบค่า Total alkalinityที่นิยมใช้กบกับสระว่ายน้ำ จะใช้ชุด test kid
ตัวอย่าง
น้ำ 50 m3 วัดค่า T/A ได้ 30 ppm ต้องการให้สระว่ายน้ำมีค่า T/A เป็น 120 ppm ต้องใช้โซเดียมไบคาร์บอเนตกี่ กิโลกรัม (ถ้าNaHCO3 มีความบริสุทธิ์ 99 % มีมวลโมเลกุล 84)
วิธีการ
จากโจทย์ ค่าT/Aที่เราต้องการ 120 ppm
ค่า T/A ที่วัดได้ 30 ppm ผลต่างจะได้ = 120-30 = 90 ppm
น้ำ 1 ลิตร ให้มี HCO3- อยู่ 90 mg
น้ำ 1000ลิตร ต้องมี HCO3- อยู่ = 90 x 1000 = 90000 mg หรือ 90 กรัม
น้ำ 50 m3 ต้องมี HCO3- อยู่ =50 x90 = 4500 กรัม หรือ 4.5 กิโลกรัม
NaHCO3→ Na+ + HCO3-
84 กรัม 23กรัม 61 กรัม
HCO3- 61 กรัม ได้จาก NaHCO3 84 กรัม
ถ้า HCO3- 4500 กรัม ได้จาก NaHCO3 = 4500 x84 / 61
จะต้องใช้ โซเดียมคาร์บอเนต = 6.19 กิโลกรัม
จากการคำนวนจะต้องใช้โซเดียมไบคาร์บอเนตประมาณ 6.2 กิโลกรัม เพื่อปรับค่า T/A จาก 30 ppm เป็น 120 ppm
Calcium Hardness
คือการวัดค่าความกระด้างของน้ำในรูปของ Ca2+ไอออนโดยทั่วไปน้ำจากหลายๆที่จะมีความกระด้างของน้ำอยู่ความกระด้างของน้ำจะมีค่าสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับค่าความเข้มข้นของ Ca2+ , mg2+ , Na+ เมื่อรวมตัวกับ พวก CO32-ไอออน จะเป็นพวก หินปูน หรือ ตะกรัน (CaCO3 ) MgCO3 Na2CO3 สารพวกนี้จะเป็นการบ่งบอกถึงความกระด้างของน้ำ และจะเป็นดีขึ้นเมื่อมีอุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น
( แคลเซียม คลอไรด์ ที่ใช้สำหรับปรับ ความกระด้างของน้ำ)
บริเวณที่น้ำจะมีความกระด้างสูงบริเวณที่มีหินปูนสูงเพราะเนื่องจากน้ำฝนมีคาร์บอนไดออกไซด์ หรือในดินมีคาร์บอนไดออกไซด์เกิดจากปฏิกิริยาบางชนิด เมื่อคาร์บอนไดออกไซด์รวมกับน้ำจะเกิดเป็นกรด คาร์บอนิค ซึงภายใต้สภาวะที่มี pH ต่ำ สารพวกนี้เป็นเบส โดยเฉพาะ หินปูน เช่น CaCO3 และ MgCO3 จะถูกละลายได้ดังสมการ
CaCO3 + H2CO3 → Ca(HCO3)2
MgCO3 + H2CO3 → Mg(HCO3)2
ความกระด้างที่จะกล่าวในสระว่ายน้ำเราจะวัดค่าเฉพาะความกระด้างที่จะเกิดจาก Ca2+ ไอออน เท่านั้น ซึ่งความกระด้างในสระว่ายน้ำที่ดีและเหมาะสมควรจะอยู่ที่ 150 ถึง 300 ppm
ปัญหาเมื่อสระว่ายน้ำมีความกระด้างสูง
-เกิดคราบและตะกรันในสระว่ายน้ำได้ง่าย
-ทำความสะอาดพื้นผิวของสระว่ายน้ำยาก
-ถังกรองอุดตันได้ง่าย
-น้ำขุ่นง่ายปรับสภาพน้ำได้ยาก
-ร่องยาแนวหรือพื้นผิวของสระว่ายน้ำจะเกิดตะกรันได้เร็ว
-ทำให้ cell ของ เครื่องผลิตคลอรีนมีตะกรันขึ้นง่าย
ปัญหาเมื่อสระวายน้ำมีความกระด่างต่ำ
-ร่องยาแนวของสระว่ายน้ำหรือพื้นผิวของสระว่ายน้ำหลุดง่ายเปื่อยเร็ว
-เพิ่มการกัดกร่อนในสระว่ายน้ำได้เร็ว
-เกิดตะไคร้น้ำได้เร็ว
วิธีการกำจัดน้ำสระว่ายน้ำที่มีความกระด้างสูง
-เอาน้ำที่มีความเข้มข้นของความกระด้างต่ำมาเจือจาง
-เติม Soda ash เพื่อให้เกิดตะกอนของแคลเซียมคาร์บอเนตแล้วดูดตะกอนทิ้ง
สารเคมีที่ใช้ในการปรับความกระด้างของสระว่ายน้ำส่วนใหญ่จะใช้ แคลเซียมคลอไรด์(CaCl2)
การทดสอบค่าความกระด่างของน้ำสำหรับสระว่ายน้ำเราจะใช้ชุด Test kid หรืออาจจะใช้วิธี Titration
ขอควรรู้
เมื่อสระว่ายเป็นแบบการใช้คลอรีนเติม ถ้าเราใช้คลอรีนก้อนนาน หรื่อใช้คลอรีนประเภท แคลเซียมไฮเปอร์คลอไรท์(Calcium Hypochlorite) เมื่อเราใช้เป็นเวลานานๆค่าของแคลเซียมจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมีผลทำให้ค่าของความกระด้างจะสูงขึ้นไปด้วยซึ่งเป็นสาเหตุทำไห้ประสิทธิภาพของ free chlorine ด้อยลงไปด้วย
วิธีการแก้ไข
ให้เราทำการเติม โซดาเอช อย่างสม่ำเสมอโดยทำการเช็ค pH ควบคู่ไปด้วย ถ้าสระที่ไม่มีการใส่โซดาเอชแล้วเป็นเวลานานเมื่อมีการเติมลงไปในสระสระนั้นจะกลายเป็นขุ่นขาวเหมือนน้ำนม ซึ่งสีขุ่นขาวที่เกิดขึ้นเป็นตะกอนของ แคลเซียมคาร์บอเนตCalcium carbonateเติม ครั้งแรกน้ำจะขุ่น เติมไป เรื่อยๆ จน กว่า เมื่อเราเติม Soda ash น้ำในสระจะไม่ขุ่น
ตัวอย่าง
น้ำ 50 m3 วัด ค่า Calcium Hardness ได้ 480 ppm ต้องการให้ได้ค่า Calcium Hardness ได้ 150 ppm ต้องเติม Soda ash อีก กี่ กิโลกรัม
วิธีทำ Soda ash ที่ใช้ 99 % มีสูตรเป็น Na2CO3 แสดงว่า มี มวลโมเลกุล 106
CaO + Na2CO3 → CaCO3 + 2 NaOH
เราต้องการให้ Ca++ ทำ ปฏิกิริยากับ Na2CO3 480 –150 = 330 ppm
CaCO3 ที่เกิดขึ้น เกิดจากการรวมตัว ของ Ca++ แสดงว่าเราต้องใช้ 330 mg/l x (106/56) x 50 = 18739/1000 =18.7 kg
สระว่ายน้ำที่ใช้เครื่องผลิตคลอรีนแบบอัตโนมัติ(Salt Chlorinator)
สระว่ายน้ำส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ในการฆ่าเชื้อโรคและตะไคร้น้ำในสระว่ายน้ำหลายชนิดด้วยกัน เช่น เครื่องผลิตโอโซน เครื่องแสงอุนตราไวโอเลต (uv) เครื่องแลกเปลียนอิออน เครื่องผลิตอิออนบางชนิด แต่ในสระว่ายน้ำจะนิยมใช้เครื่องผลิตแก๊สคลอรีนมากที่สุด
เครื่องผลิตแก๊สคลอรีนที่ใช้ในปัจุบันมีหลายแบบหลายยี่ห้อ ราคาถูกราคาแพงขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของเครื่องและลูกเล่นของเครื่องแต่ละชนิด เมื่อเราใช้เครื่องผลิตคลอรีนแบบอัตโนมัติสิ่งที่เราต้องใช้ควบคู่ คือ สารตั้งต้นที่ต้องใช้คือ เกลือ เราต้องใส่เกลือลงในสระว่ายน้ำ เพื่อให้น้ำมีความเข้มข้นของน้ำเกลือ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะเกิดที่ cell โดยการดึง คลอไรด์ไอออน(Cl-) มารวมกันให้เป็นแก๊สคลอรีน
ดังสมการ Ti
2NaCl + 2H2O ----------→ 2NaOH + H2 + Cl2
จะเห็นได้ว่าเมื่อเครื่อง Salt Chlorinator ทำงาน จะผลิตออกมา 3 อย่าง คือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ Sodium Hydroxide(NaOH) แก๊สไฮโดรเจน(Hydrogen gas) H2 และแก๊สคลอรีน(Chlorine gas) ดังนั้นสระว่ายน้ำที่มีเครื่องผลิตคลอรีนแบบอัตโนมัต จะทำให้ค่า pH ของน้ำ จะสูง วิธีการแก้ไขให้เราเติม กรด เกลือ (Hydrochloric acid )(HCL) ตามปริมาณที่ได้ทดสอบตามชุด test kid เพื่อลดค่า pH ของน้ำ และเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค แก๊สคลอรีนที่ผลิตออกมาได้จะอยู่ในสระว่ายน้ำได้ไม่นาน เพราะจะเกิดการระเหย เราควรจะเติมตัว stabilizer เพื่อให้คลอรีนอยู่ในน้ำได้น้ำขึ้น โดยทั่วไป เราจะใช้ Cyanuric acid เพื่อให้แก๊สคลอรีน ไปจับกับ Cyanuric acid คลอรีนที่ได้จะอยู่ในรูปของ Trichlorocyanuric acid ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโรค ดังสมการ
นอกจากนี้ Trichlorocyanuric acid ยังสามารถอยู่ในสระว่ายน้ำได้นาน ถ้าเราไม่มี Cyanuric acid เราสามารถเติมคลอรีนก้อนหรือ คลอรีนผงใช้แทนกันเพราะ คลอรีนก้อนหรือ คลอรีนผงมีส่วนผสมของCyanuric acid อยู่ โดยให้เราใช้ 1/3 เท่า ของสระที่ไม่มีเครื่องผลิตคลอรีน ถ้าเราไม่ใส่ตัวstabilizer เราต้องเปิดปั๊มสระนานขึ้น ซึ่งทำให้เปลืองค่าไฟและปั๊มสระว่ายน้ำเสียเร็ว
ความเข้มข้นของน้ำเกลือที่ใช้ในการควบคุมขึ้นอยู่กับเครื่องผลิตคลอรีนของแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นไม่เหมือนกัน เช่น ของยี่ห้อ AIS อยู่ที่ 3000 ถึง 5000 ppm ของ ยี่ห้อ Hurlcon อยู่ที่ 2500 ถึง 3500 ppm ของยี่ห้อ monarch อยุ่ที่ 3500 ถึง 4500 ppm ของ ยี่ห้อ pool pilot อยู่ที่ 2500 ถึง 3500 ppm แต่ละยี่ห้อจะมีบอกไว้ที่ คู่มือ ของเครื่องผลิตคลอรีนแต่ละบริษัท
การคำนวณเกลือที่จะใส่ในสระว่ายน้ำ
ตัวอย่าง
สระน้ำขนาด 50 ลูกบากศ์เมตร ต้องการให้มีค่าเกลือ 3500 ppm(หรือ 3500 มิลิกรัมต่อลิตร(mg/l) ต้องใช้เกลือกี่กระสอบ(ถ้า1 กระสอบหนัก 25 กิโลกรัม)
วิธีทำ
ต้องการให้มีความเข้มข้น 3500 ppm หมายความว่า ต้องการให้มีเกลือ 3.5 กรัม ในน้ำ 1 ลิตร
(1000 มิลิกรัม เท่ากับ 1 กรัม)
น้ำ 50 ลูกบากศ์เมตร แสดงว่าเท่ากับ 50000 ลิตร (1000ลิตร เท่ากับ 1 ลูกบากศืเมตร)
แสดงว่าต้องใช้เกลือทั้งหมด 50000 X 3.5 = 175000 กรัม หรือ 175 กิโลกรัม (1000 กรัม เท่ากับ 1 กิโลกัม) แสดงว่าต้องใช้เกลือ 175 / 25 จะได้ 7 กระสอบ
ซึ่งจะได้สูตรดังนี้
ความเข้มของเกลือที่เราต้องการ(กรัม) x ปริมาตรของน้ำ(m3) / 25 = จำนวนกระสอบของเกลือ
ตัวอย่างเช่น
น้ำสระ 70 m3 ต้องการให้มีความเข้มข้นของเกลือ 4500 ppm ต้องการใช้กี่กระสอบ
วิธีทำ
4.5 x 70 / 25 = 12.6 กระสอบ หรือประมาร 13 กระสอบ
ตัวอย่างเช่น
สระน้ำกว้าง 8 เมตร ยาว 5 เมตร ลึกเฉลี่ย 1.4 เมตร เช็คค่าเกลือ ได้ 2400 ppm ต้องการให้ได้ค่าเกลือ 3500 ppm ต้องเติมเกลืออีกกี่กระสอบ
วิธีทำ
(3.5 – 2.4) x (8 x 5 x 1.4) / 25 = 2.4 กระสอบ หรือให้ใส่ 3 กระสอบ
การติดตั้งเครื่องผลิตคลอรีน
1.ให้ติดตั้งตัว Cell หลังถังกรอง
2. ต้องให้เครื่องทำงาน พร้อมกับการทำงานของปั๊มสระว่ายน้ำ
3.ควรติดตั้งตัวCell ให้สามารถแกะออกมาได้เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาด Cell
4.ควรจะใส่วาล์วบายพาสเพื่อง่ายต่อการซ่อมตัวผลิตคลอรีนเมื่อเครื่องต้องซ่อม
การแกะทำความสะอาดCellเมื่อมีคราบหินปูนเกาะติดที่แผ่นCell
เครื่องผลิตคลอรีนบางรุ่นเมื่อมีการงานนานๆ Cell ไม่สามารถทำความสะอาดเอง จะทำให้แผ่น cell มีคราบหินปูนเกาะที่แผ่นcellซึ่งเราจำเป็นต้องเอาคราบหินปูนออกเพราะจะทำให้เครื่องผลิตคลอรีนมีประสิทธิภาพในการผลิตคลอรีนต่ำและยังทำให้เครื่องเกลือชำรุดเสียหายได้ง่ายขึ้น
(แผ่น Cell ที่ติดคราบหินปูน)
วิธีการแกะแผ่นcell มาทำความสะอาดสำหรับเครื่องผลิตคลอรีนบางรุ่น
1.ให้ปิดสวิทช์ปั๊มสระว่ายน้ำ
2.ให้ปิดวาล์วหน้าตัว Cell และหลังตัว cell
3.ทำการแกะตัว Cell ออกจากกระบอกcell โดยให้แกะขั้วที่ต่อกับตัว cell ออกก่อน ให้หมุนตัวCell ออกจากกระบอก Cell ตามลูกศรที่ทางผู้ผลิตได้กำหนดไว้
4.ให้ใช้กรดไฮโดรคลอริกแอซิด(HCL) ให้ผสมน้ำสะอาดอัตราสวน 1 ต่อ 10 ส่วน(กรด:น้ำ)
5.ให้แช่แผ่น Cell ที่มีคราบหินปูนลงในน้ำกรดเจื่อจาง
6.จะสังเกตุมีฟองแก๊สเกิดขึ้นที่แผ่นCell ซึ่งเป็นแก๊สไฮโดรเจน
7.คราบหินปูนที่แผ่นCell จะค่อยๆหลุดออกจนเห็นแผ่นCell ที่สะอาด
8.เอาตัว Cell แช่ในน้ำสะอาดเพื่อกำจัดน้ำกรดเจื่อจางที่อาจไปกัด O-ring ของตัว Cellได้
9.นำตัวCellไปประกอบกับกระบอก Cell เหมื่อนเดิม
10.ต่อขั้วเข้ากับตัว Cell ต้องต่อขั้วให้แน่นไม่หลวม ถ้าไม่แน่นที่ขั้วของ Cell จะร้อน และกระบอก Cell จะเสียหายได้ ให้ทำการทดสอบ เมื่อเปิดเครื่องผลิตคลอรีนให้จับที่ขั้วของCellร้อนหรือไม่ ภายใน 2ถึง 3 นาที
พวกโลหะต่างๆ ในสระว่ายน้ำที่มีผลต่อสระว่ายน้ำ
พวกโลหะต่างๆในสระว่ายน้ำถ้ามีพวกโลหะในสระว่ายน้ำที่สูงเกินไปจะมีอันตรายต่อร่างกายแต่ถ้ามีในปริมาณที่เหมาะสมจะสามารถฆ่าพวกเชื้อโรคบางตัวในสระว่ายน้ำได้และกำจัดพวกตะไคร้น้ำได้ถ้าในสระว่ายน้ำมีพวกโลหะต่างๆที่สูงเกินไปเมื่อทำปฏิกิริยากับคลอรีน จะทำให้น้ำเปลี่ยนสีได้ง่าย
1.สระว่ายน้ำที่มีพวก Iron Fe2+ Fe3+ สนิมเหล็ก
เมื่อในสระว่ายน้ำมีพวกโลหะสนิมในปริมาณที่สูงสังเกตได้ง่ายน้ำจะมีกลิ่นสนิมออกมา เมื่อเราเติมคลอรีนน้ำในสระจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือเขียวใส
วิธีการแก้ไข
วิธีที่1 ให้เราทำการเติม staintrine ก่อน เปิดปั๊มสระว่ายน้ำให้น้ำมีการหมุนเวียน 4 ถึง 5 ชั่วโมง จากนั้นให้เติม คลอรีน ปรับค่า ให้ได้3 ถึ่ง 6 ppm(ในกรณีทีมีสนิมไม่สูงมาก)
วิธีที่2 ให้เราทำการช็อกด้วยคลอรีน 30 ppm เมื่อเราเติมคลอรีนน้ำจะกลายเป็นสีเหลื่องหรือสีน้ำตาลเข้มและตกตะกอนเป็นสีดำ ให้ทำการเปิดปั๊มสระว่ายน้ำให้นานขึ้น ประมาณ 2 ถึง 3 วัน น้ำจะใส แล้วค่อยปรับลดค่า คลอรีนในน้ำ ให้เราทำการเติมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่ละน้อย ให้ได้ค่า คลอรีน 2 ถึง 3 ppm หรือจะใช้เป็น โซเดียมไธโอซัลเฟตก็ได้
วิธีที่3 ให้เราปรับค่า pH ก่อนโดยการเติมปูนขาวไปก่อนให้ได้ค่า pH 7.2 ถึง 7.8 จากนั้นให้เติมคลอรีนให้ได้ค่า 3 ถึง 5 ppm
ในกรณีที่เติมคลอรีนแล้วน้ำกลายเป็นสีเหลือง ถ้าเราต้องการให้น้ำในสระว่ายน้ำใสเร็วให้เราทำการเติมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เลย 1 ลิตร ต่อน้ำ 50 m3
ทองแดง cupper (Cu2+)
ทองแดง ที่เกิดขึ้นในสระว่ายน้ำส่วนใหญ่เกิดจากการเติม คอปเปอร์ซัลเฟต ลงไปในสระน้ำ ทั้งนี้เพราะ คอปเปอร์ซัลเฟต(จุ่นสี)ใช้ในการฆ่าเชื้อโรคและตะไคร้น้ำในสระว่ายน้ำได้เหมือนกันแต่ คอปเปอร์ซัลเฟตเป็นสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ดังนั้นเวลาที่เติมลงไปในสระว่ายน้ำ ต้องเติมอย่างเหมาะสมและต้องใช้อย่างระมัดระวัง โดยปกติ ค่า Cu2+ ในสระว่ายน้ำที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 0.2 ถึง 0.8 ppm การใส่ คอปเปอร์ซัลเฟตในปริมาณที่สูง จะทำให้รองยาแนวของสระว่ายน้ำกลายเป็นสีน้ำตาล หรือดำ ตามหัว fitting และหัว main drain ให้ระวังเวลาเติม คอปเปอร์วซัลเฟตห้ามเติมพร้อมกับ แคลเซียมคลอไรด์หรือเกลือ เพราะถ้าใส่พร้อมกันในเวลาที่มีคนเล่นน้ำจะทำให้เกิดคราบสีเขียวขึ้นซึ่งจะไปติดที่ผมและพวกเสื้อผ้าได้ และไม่ควรจะใส่ คอปเปอร์ซัลเฟตพร้อมกับโซดาเอชหรือโซเดียมไบคาร์บอเนต เพราะจะทำให้น้ำขุ่นโดยปกติเราจะเติม คอปเปอร์ซัลเฟต 100 กรัม ต่อน้ำ 50 m3 ไม่ควรจะใช้ คอปเปอร์ซัลเฟตในถังกรองที่ใช้ผงกรอง D.E (Diatomaceous earth)เพราะจะทำให้ถังกรองตันเร็ว ในกรณีที่น้ำเขียวให้ควบคู่กับคลอรีนใช้ในกรณีที่ต้องการให้ถังกรองทรายแน่นเพิ่มขึ้น
ซิลเวอร์ซัลเฟต(Silver sulfate)
เป็นสารเคมีที่มีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโรคและตะไคร้น้ำและสามารถกำจัดกลิ่นได้ดี แต่เป็นสารเคมีที่มีราคาแพงจึงไม่ค่อยมีผู้นิยมใช้ในสระว่ายน้ำและหายาก
เปอร์แทสเซียมเปอเมนกาเนต(potassium permanganate)KMnO4
เป็นสารเคมีที่ใช้ในการฆ่าเชื้อโรคและตะไคร้น้ำในน้ำได้ดีเหมือนกัน แต่ KMnO4 เป็นสารที่ออกซิไดซ์ได้ดีมากมักทำปฏิกิริยาได้ง่ายกับไอออนต่างๆในสระว่ายน้ำ ทำให้น้ำเปลียนสีได้ง่ายและจะมีคราบติดได้ง่ายตามที่ต่างๆและราคาจะแพงด้วยจึงไม่ค่อยนิยมใช้กับสระว่ายน้ำ แต่สามารถใช้กับบ่อปลาได้ดี
โอโซน O3
แก๊สโอโซนเป็นตัวออกซิไดซ์ที่ดีนอกจากนี้จะไม่ตกค้างในน้ำ แก๊สโอโซนจึงเหมาะสมที่จะใช้ในการ
ฆ่าเชื้อโรคและตะไคร้น้ำในน้ำดื่ม หรือบ่อบำบัดน้ำเสีย แต่ในสระว่ายน้ำเราไม่ค่อยนิยมใช้เพราะแก๊สโอโซนจะมีกลิ่นช่วงที่ผลิตแก๊สโอโซนออกมาอีกอย่างช่วงที่ปั๊มหยุดการทำงานจะไม่มีการฆ่าเชื้อโรค ทำให้ตะไคร้น้ำสามารถรอดได้แล้วไปจับตามร่องยาแนวกล้ายเป็นจุดดำ แก๊สโอโซนควรเหมาะสมใช้กับบ่อปลาหรือตู้เลี้ยงปลา
แสง อุนตราไวโอเลต (UV)
แสงอุนตราไวโอเลต ใช้ในการฆ่าเชื้อโรคและตะไคร้น้ำได้ดีถ้ามีความเข้มข้นของแสงมากเกินพอ เพราะแสง อุนตราไวโอเลตจะไม่มีสารตกค้างในน้ำส่วนใหญ่ใช้ในระบบน้ำดื่มหรือบ่อปลานอกจากนี้แสงuv ยังไม่ทำให้เกิดกลิ่น แต่ระบบ uv ที่ใช้ในสระว่ายน้ำไม่ค่อยมีคนใช้เพราะค่าใช้จ่ายยังแพงอยู่ การใช้ uv ในสระว่ายน้ำ เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับคนที่มีอาการภูมิแพ้ทางสารเคมี ซึ่งเป็นทางเลื่อกหนึ่งที่ใช้กับสระว่ายน้ำได้ดีเพราะไม่มีสวนผสมของสารเคมีหลายชนิดในสระว่ายน้ำ
ถ้าพูดถึงสระว่ายน้ำสระที่ครบสมบูรณ์เราสามารถแบ่งสระว่ายน้ำออกเป็นดังนี้ ส่วนที่เป็นโครงสร้างของสระว่ายน้ำหรืออาจกล่าวได้ว่าส่วนที่เป็นตัวสระว่ายน้ำ ส่วนที่เป็นระบบของสระว่ายน้ำ ส่วนของการดุลน้ำของสระว่ายน้ำ และส่วนอื่นๆของสระว่ายน้ำ
ส่วนที่เป็นตัวสระว่ายน้ำหรือโครงสร้างสระว่ายน้ำ
โดยทั่วไปรูปทรงของสระว่ายน้ำจะเป็นสี่เหลี่ยมวงกลมหรือไม่เป็นรูปร่างที่ไม่แน่นอนก็แล้วแต่ตามผู้ออกแบบกำหนดนอกจากนี้ตัวของสระว่ายน้ำจะใช้วัสดุต่างๆที่ป้องกันน้ำรั่วมีหลายแบบหลายชนิด เช่น fiberglass ซิเมนต์กั้นน้ำ แผ่นพลาสติกซึ่งทุกอย่างที่เป็นวัสดุที่ใช้รองรับน้ำในสระน้ำต้องเป็นวัสดุที่ป้องกันน้ำซึมน้ำรั่วรับแรงดันได้เป็นอย่างดีและที่สำคัญไม่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีที่เติมลงไป และไม่เป็นผลข้างเคียงกับมนุษย์ทั้งในระยะสั้น หรือระยะยาวแต่โดยทั่วไปสระว่ายน้ำที่เราสร้างส่วนใหญ่เราจะสร้างโดยเป็นแบบปูนซิเมนต์เสริมเหล็กเพราะสามารถรับแรงดันได้สูงและมีอายุการใช้งานที่ยืนยาวและที่ต้องระวังในการสร้างสระว่ายน้ำด้วยปูนซิเมนต์รอยต่อระหว่างปูนซิเมนต์ อาจจะเกิด รอยร้าว รอยแตก จากแรงสั้นสะเทือนต่างๆและเพื่อรองรับของปริมาตรน้ำอย่างมาก ดังนั้นจำเป็นที่ต้องใช้ซิเมนต์คุณภาพสูง น้ำยาประสานซิเมนต์ เช่น พวก sikatop
ซีเมนต์คุณภาพสูงใช้ในงานกันซึ่มและรอยรั่ว
เมื่อเราพูดถึ่งปริมาตรน้ำ เราจะต้องคิดได้ว่าสระแต่สระน้ำมีปริมาตรน้ำอยู่เท่าไร โดยทั่วไปเราจะกำหนดเป็น ลูกบาศก์เมตร(m3) หรือลิตร เมื่อเราต้องการหาปริมาตรของน้ำให้เราวัดความยาวของสระความกว้างของสระความลึกเฉลี่ยของสระว่ายน้ำซึ่งในกรณีตัวสระนั้นเป็นสี่เหลี่ยมซึ่งเราจะอธิบายการคำนวณอย่างละเอียดของรูปทรงต่างๆในภาคผนวกตอนท้ายเล่ม
เมื่อเรายื่นอยู่ข้างๆสระว่ายน้ำเราจะมองเห็นส่วนประกอบต่างๆที่อยู่ข้างในสระว่ายน้ำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นรูปแบบทั่วไปของสระว่ายน้ำที่มีระบบท่อ ซึ่งจะแตกต่างกับระบบสระว่ายน้ำระบบไร้ท่อ ที่นี้เราจะมาทำความเข้าใจกับระบบสระว่ายน้ำที่มีท่อ เมื่อเรามองลงไปในสระน้ำเราจะมองเห็นสิ่งดังนี้
Fitting คือ ส่วนที่ต่อกับท่อช่วงที่ที่ท่อนั้นจ่ายน้ำเข้า ในสระน้ำ ส่วนของ fitting อาจอยู่ที่ตำแหน่งพื้นหรืออยู่ที่ผนังของสระว่ายน้ำแล้วแต่ตามผู้ออกแบบที่ต้องการให้น้ำมีการหมุนเวียนในสระน้ำในลักษณะแบบใหน ซึ่งจะมี หัว fitting มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของสระว่ายน้ำ
Main drain คือ สะดือสระ เป็นช่วงที่ต่อกับท่อ จ่ายน้ำเข้าไปยังระบบ main drainนั้นจะอยู่ที่ตำแหน่งต่ำสุดของพื้นสระน้ำ ทั้งนี้ main drain จะทำหน้าที่ถ่ายน้ำออกจากสระ หรือใช้ในกรณีดูดตะกอนในขณะที่เราแปรงไล่ตะกอนที่พื้นสระน้ำ หรือใช้ในกรณีที่เราต้องการให้น้ำในสระหมุนเวียนเฉพราะในสระน้ำอย่างเดียว ไม่ต้องการให้น้ำไหลลง gutter(ร่างระบายน้ำ) หรือ surge tank(บ่อพักน้ำ)
ท่อVacuumคือท่อดูดใช้ในการสำหรับทำความสะอาดสระว่ายน้ำโดยทั่วไปท่อ vacuum
(ท่อดูด) จะอยู่ที่ตำแหน่ง ของผนังของสระว่ายน้ำ ส่วนใหญ่ให้รูของท่อนั้นอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำ 30 cm ทั้งนี้ง่ายต่อการสวมใส่สายดูด (hose) เมื่อต้องการดูดตะกอนทำความสะอาด สระว่ายน้ำ
ขั้นตอนการดูดตะกอนสกปรกที่อยู่บนพื้นสระว่ายน้ำ(สำหรับสระว่ายน้ำที่มีท่อดูด)
1.เปิดฝ้าจุกของท่อดูด
2.เตรียมอุปกรณ์ดังนี้
ต่อหัวดูด(vacuum head) เข้ากับสายดูดสระ(hose) จากนั้นต่อเข้ากับด้ามดูดสระ(pole) ไล่อากาศออกจากสายดูดโดยการจุ่มสายดูดลงไปในสระว่ายน้ำจากนั้นจับที่หัวสายดูดด้านที่ไม่ได้ต่อกับหัวดูดไปเสียบกับท่อดูด
3.เข้าไปในห้องปั๊มของระบบสระว่ายน้ำ
4.ทำการปิดสวิสต์ของปั๊มสระว่ายน้ำ
5.ปิดวาล์วของท่อที่มาจาก บ่อพัก(surge tank) และวาล์วของท่อที่มาจาก main drain(สะดือสระ)
6.ทำการเปิดวาล์วของท่อดูด(vacuum)
รูปประกอบอุปกรณ์ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ
สายดูดสระ(hose) ที่ตักใบไม้(leaf Rake) แปรงขัดสระ(Nylon Brush)
หัวดูดสระ(vacuum head) แปรงขัดตะไคร่น้ำ(algae brush) ด้ามจับ(pole)
ซึ่งอุปกรณ์แต่ละชนิดต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับขนาดของสระตามความยาวและความกว้างของสระลักษณะของพื้นสระนั้นๆ
ไฟในสระว่ายน้ำ(Lighting)
คือ เป็นหลอดไฟที่อยู่ในสระน้ำทั้งนี้ใช้เพื่อให้แสงสว่างในเวลากลางคืน โดยปกติหลอดไฟในสระน้ำจะติดที่ผนังของสระว่ายน้ำทั้งนี้เพื่อง่ายต่อการเปลียนหลอดไฟครั้งต่อไปและหลอดไฟจะต่ำกว่าระดับน้ำในสระน้ำ40 cm หลอดไฟที่ใช้ในสระน้ำจะเป็นไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้าต่ำ เพราะต้องใช้ป้องกันไฟช็อกหลอดไฟต้องมีลักษณะเป็นพิเศษคือสามารถกั้นน้ำได้ดี
รูปของหม้อแปรงที่ใช้กับไฟในสระน้ำ
บันไดสระว่ายน้ำ
บันไดสระว่ายน้ำ ใช้เพื่อเวลาขึ้นลงจากสระว่ายน้ำ บันไดที่ติดตั้งต้องแข็งแรงไม่โยกไปมาหรือหลวมซึ่งอาจเป็นอันตรายกับคนเล่นน้ำได้อีกทางหนึ่งเพื่อป้องกันเด็กที่ลงเล่นน้ำช่วงที่ขึ้นจากสระน้ำถ้าไม่มีบันไดเด็กๆที่ลงเล่นน้ำจะเหยียบบนหลอดไฟซึ่งเป็นอันตรายกับเด็กๆได้
ระบบของสระว่ายน้ำ
เมื่อเราพูดถึงระบบของสระว่ายน้ำหรือเราอาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ห้องปั๊มของสระว่ายน้ำ ซึ่งมีอุปกรณ์ต่างๆที่ให้มีการหมุนเวียนของน้ำ มีการกรองน้ำ มีการฆ่าเชื้อโรคในน้ำ ให้เกิดขึ้นกับสระว่ายน้ำนั้น มีอุปกรณ์ต่างๆอยู่ในห้องปั๊มของสระว่ายน้ำ เช่น ปั๊มของสระว่ายน้ำ(Swimming pool pump) ถังกรอง (filters) วาล์วต่างๆ (valves) ระบบไฟฟ้าควบคุม (control boxes) ท่อต่างๆ (piping) ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้เรียกว่า Hydraulics มาประกอบอุปกรณ์ต่างๆเหล่านั้นเรียกว่า ระบบสระว่ายน้ำ(swimming pool system)
ปั๊มสระว่ายน้ำ(Swimming pool pump)
เป็นอุปกรณ์ที่ทำให้น้ำในสระว่ายน้ำมีการไหลเกิดขึ้นปั๊มที่ใช้กับสระว่ายน้ำมีหลายแบบหลายขนาดการเลือกใช้ปั๊มสระว่ายน้ำที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับ ขนาดของสระว่ายน้ำ อัตราการดูดน้ำของปั๊ม ความสูงต่ำของระดับหรือระยะห่างจากปั๊มถึงตัวสระน้ำ ปั๊มสระว่ายน้ำมีลักษณะเป็นพิเศษคือสามารถทำงานได้นานอย่างต่อเนื่องจะมีตะกร้าหน้าปั้มไว้ดักขยะซึ่งสามารถถอดล้างทำความสะอาดเอาขยะออกได้ การใช้ปั้มสระน้ำพิจารณาดังต่อไปนี้
1. ความแรงของปั้ม เราจะเรียกความปั้มว่าเป็นแรงม้า เช่น 1 Hp ( 1 แรงม้า) 2 Hp(2แรงม้า)ซึ่งจะสอดคล้องกับกำลังไฟฟ้าที่ใช้ไป บางปั้มบอกความแรงของปั้มเป็นวัตต์ เช่น 1.0 Kw 400watt(1 แรงม้าเท่ากับ760watt) ปั้มที่มีแรงมากกำลังไฟฟ้าก็จะสูงด้วย ค่าไฟฟ้าก็จะสูงด้วย
2.ปั้มน้ำนั้นมีความเร็วรอบที่สูงหรือต่ำถ้าปั้มนั้นมีความเร็วรอบสูง แสดงว่าอัตราการไหลของน้ำก็จะเร็วขึ้นด้วย
3.ระยะส่งของปั๊ม ปั๊มน้ำแต่ละยี่ห้อจะบอกระยะส่งว่าสามารถส่งน้ำได้ไกลกี่เมตรหรือสูงกี่เมตร
4.อัตราการไหลของน้ำปั๊มแต่ละชนิดแต่ละยี่ห้อจะบอกอัตราการไหลใน 1 นาที สามารถดูดน้ำได้กี่ลิตร เช่น 350 Liters/min (350 ลิตร ต่อ นาที) นอกจากนี้ อัตราการไหลของน้ำที่ดูดได้ดีนั้นจะขึ้นอยู่กับขนาดของห้องปั๊ม ขนาดของใบผัด จำนวนใบผัด รูปทรงของห้องปั๊ม
ทุกอย่างที่กล่าวมาของคุณสมบัตของปั๊มข้างต้นจะมีบอกไว้ที่ฉลากของปั๊ม แต่ละยี่ห้อ แต่ละชนิด ซึ่งเราเรียกว่า Name plate
(รูป)
รูปประกอบ Spar part ~ของปั๊ม
ขั้นตอนการเอาขยะหน้าปั๊มออก
1.ปิดสวิตซ์ เปิด-ปิด ปั๊มสระว่ายน้ำ
2.ปิดวาล์วหน้าปั๊ม หรือหลังปั๊มกรณีมีแรงดันภายในปั๊มให้เปิดจุกหน้าปั๊มออกก่อน
3.เปิดฝาครอบปั๊มออกโดยดูตามลูกศรที่เขียนไว้ เปิด-ปิด ส่วนใหญ่ปั๊มสระว่ายน้ำหลายยี่ห้อมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการเปิด-ปิด อยู่
4.ดึงตะกร้าหน้าปั๊มออก เอาขยะหน้าปั๊มออก ล้างทำความสระอาด
5.ใส่ตะกร้าหน้าปั๊มกลับเหมือนเดิม ให้ตรงตามช่อง
6.ใส่ฝาครอบปั๊มระวังยาง O-ring (ยางรอง) ของฝาครอบปั๊มอย่าให้บิดเบี้ยวหรือไม่ตรงตามรองของรองยางฝาครอบปั๊ม จะทำ O-ring เสียรูปใช้งานไม่ได้ครั้งต่อๆไป และน้ำจะรั่วได้ ถ้าฝาปั๊มผืดให้ใส่กรีซ (grease)จาระบีขาว จารบีที่ใช้สำหรับยางหรือพลาสติกได้
7.เปิดวาล์วหน้าปั๊มแล้วเปิด สวิทซ์ของปั๊มสระว่ายน้ำ
กรณีปั๊มสระว่ายน้ำดูดอากาศหรือดูดน้ำไม่ขึ้น
มีสาเหตุดังนี้
1.Foot valve เสีย หรือ check valve เสีย หรือค้าง ในกรณีที่ปั๊มสระว่ายอยู่ระดับสูงกว่าสระว่ายน้ำ
2.เกิดการรั่วของท่อหรือUnion(ยูเนียน)หน้าปั๊มสระว่ายน้ำถ้าปั๊มสระว่ายน้ำอยู่ระดับสูงกว่าสระว่ายน้ำเราจะมองไม่เห็นน้ำที่รั่วตามท่อเพราะช่วงที่ปั๊มหยุดอากาศจะดูดตามรอยรั่วแล้วน้ำจะไหลย้อนกลับไปยัง surge tank(บ่อพักน้ำ)หรือไหลย้อนกลับไปยังสระว่ายน้ำ
วิธีการแก้ไข
1.ถ้าน้ำรั่วตามท่อ หรือUnionเกลียวของท่อหลวม ต้องแก้ไขอย่าให้น้ำรั่วให้ได้ หรืออาจต้องเปลี่ยนใหม่
2.ทำการแกะทำความสะอาดCheck valve หรือ foot valveหรือเปลี่ยนใหม่
กรณี ปั๊มสระว่ายน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับสระว่ายน้ำเราสามารถมองเห็นรอยรั่วได้เพราะจะหยดออกตามรอยรั่วถ้ากรณีปั๊มอยู่สูงกว่าระดับสระว่ายน้ำเราไม่สามารถมองเห็นได้ให้เราทำการเติมน้ำในท่อโดยเปิดวาล์วน้ำที่ต่อกับท่อ Header (จุดรวมของท่อ) หรือเติมน้ำด้วยสายยาง ซึ่งถ้าตามรอยต่อของท่อรั่วมากเราสามารถมองเห็นรอยรั่วน้ำจะหยดออกถ้าไม่มีวาล์วเติมน้ำไม่มีสายยางเติมน้ำให้เราใช้น้ำสบู่หยดตามรอยต่อต่างๆของ union และเกลียวต่างๆ ตามท่อที่ดูดน้ำถ้าไม่มีสายยางไม่มีสบู่ให้กลับไปนอนที่บ้านก่อนเถอะ
เมื่อไม่มีน้ำในท่อหรือรั่วตามท่อดูดของปั๊มสระว่ายน้ำปั๊มจะดูดอากาศหรือปั๊มดูดน้ำไม่ขึ้นซึ่งถ้าดูดอากาศเป็นเวลานานจะทำปั๊มเสียหายได้
วิธีการแก้ไขมีดังนี้
1.ปิด สวิทซ์ปั้มสระว่ายน้ำ
2.ปรับวาล์วของหัว Multiport valveไปที่ waste
3.ให้ดูลายท่อ ระยะของท่อดูดระหว่าง ท่อของ foot valveในsurge tankกับ ท่อของ main drain หรือท่อของvacuum ระยะของท่อที่สั้นที่สุดอยู่ใกล้กับปั๊มสระว่ายน้ำมากที่สุดแล้วให้เปิดวาล์วตัวนั้นเพียงตัวเดียว
4.จากนั้นเปิด สวิทซ์ปั๊มสระว่ายน้ำให้สังเกตที่ตะกร้าหน้าปั๊มถ้าเปิดปั๊มประมาณ 1 -2 นาที จะมีน้ำค่อยๆไหลเข้ามาที่ตะกร้าหน้าปั๊มให้เปิดปั๊มไปเรื่อยๆจนกว่าน้ำจะเต็มหน้าปั๊มจากนั้นค่อยๆเปิดวาล์วที่เหลือโดยค่อยๆเปิดวาล์วที่ละน้อยที่ละตัวจนกว่าหน้าปั๊มน้ำจะเต็มเมื่อเปิดวาล์วของMain drain ,surge tank, vacuum เมื่อน้ำเต็มทั้งสามท่อจากนั้นให้ปิดสวิทซ์ปั๊ม
5.ปรับวาล์วของหัว Multiport ไปที่ filter จากนั้นเปิดปั๊มตามปกติ
ในกรณีที่ปั้มดูดน้ำไม่เต็มหน้าปั้ม ดูดน้ำกับอากาศผสมกันให้เราปฏิบัติดังนี้
1.ให้ทำการตรวจเช็ค
1.1 Foot valve ถ้าที่ foot valve มีขยะมีเศษพลาสติก ไปติดทำให้การทำงานของปั้ม จะทำงานหนัก น้ำที่ดูดไปยังปั้มไหลไม่สะดวกทำให้ปั้มมีการดูดอากาศขึ้น
1.2 ตรงรอยต่อของท่อ ถ้ารอยทากาวไม่ทั่วถึง หรือสามารถขยับได้ ให้เราทำการปิดปั้ม ถ้าปั้มน้ำหรือสายท่ออยู่ต่ำ กว่าระดับของสระน้ำ เราจะเห็นน้ำที่ซึมจากรอยต่อนั้นสังเกตได้ง่าย แต่ถ้าสายท่ออยู่สูงกว่า หรือปั้มน้ำอยู่สูงกว่าระดับสระน้ำ และ Surge tankซึ่งเราไม่สามารถมองเห็นได้ วิธีการง่ายๆถ้าสายท่อนั้นต่อกับระบบน้ำใช้ให้เราเปิดวาล์วทีละตัว ค่อยๆเปิดวาล์วน้ำใช้ คอยสังเกตตรงวาล์วต่างๆมีน้ำไหลออกมาหรือไม่
1.3ให้สังเกตดูจากวาล์วต่างๆเพราะถ้าเป็นวาล์วที่มีUnionวาล์วชนิดนี้ ส่วนที่เกลียวกับ Ball Valve จะมียาง O-ringอยู่ ถ้าไม่ได้ใส่ยาง O-ring ในลักษณะที่ผิดเกลียว เวลาที่มีแรงดันน้ำน้ำจะมีการรั่วไหลได้
ดังนั้นเวลาติดตั้งBall valve ให้เราสังเกตยาง O-ring ที่อยู่ข้างในอยู่ครบไหม อยู่ในลักษณะปกติไหม ควรจะใส่ตามลูกศร ตามที่ผู้ผลิตได้กำหนดไว้ ที่สำคัญต้องได้ระยะห่าง ball valve กับเกลียวของ Union ไม่เบี้ยวหรือบิด เวลาขันเกลียว Union ให้แน่นไม่ฝืด
วาล์วชนิดต่างๆ ที่ใช้กับระบบสระว่ายน้ำ
ก่อนอื่นวาล์วต่างๆที่ใช้กับระบบสระว่ายน้ำนั้นต้องทนกับสภาพกัดกกร่อน โดยเฉพาะคลอรีน และน้ำเกลือ ซึ่งไม่สมควรใช้กับวาว์ลเหล็ก หรือทองเหลือง วาว์ลเป็นระบบควบคุมการไหลของน้ำ หรือให้น้ำหยุด วาว์ลที่ใช้ในสระน้ำมีหลายชนิด แต่ที่นิยมใช้และเป็นที่รู้จักในระบบสระว่ายน้ำ จะเป็นวาว์ลที่ป้องกันไม่ให้ไหลย้อนกลับ เรียกว่า Check valveวาว์ลที่ควบคุมการไหลของน้ำ เรียกว่า Ball valveวาว์ลที่สามารถควบคุมการไหลของน้ำ เรียกว่าMultiport valveวาล์วที่ใช้กับแรงดันสูงๆส่วนใหญ่จะใช้กับGatevalveและButterflyvalve
ซึ่งวาล์วแต่ละชนิดจะมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างกันแล้ว แต่ตามผู้ติดตั้งจะใช้งาน
1. Ball valve PVC
Ball valve ส่วนใหญ่ในระบบน้ำใช้และประปาทั่วไปจะใช้บอลวาล์วเพราะบอลวาล์วราคาถูกติดตั้งง่ายไม่นิยมใช้กับสระว่ายน้ำที่เป็นวาล์วหลักๆคือ ต่ำแหน่งที่มีการเปิด-ปิดวาล์วเป็นประจำ จะใช้วาล์วชนิดนี้ได้เฉพาะบางจุดเท่านั้นเพราะวาล์วชนิดนี้ถ้าเปิด-ปิดบ่อยๆจะหักง่าย เวลาทำการแก้ไข้จะยุ่งยาก เสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมบ่อย
2.Ball valve union
บอลวาล์วยูเนียน ส่วนใหญ่ใช้ในระบบสระว่ายน้ำเพราะเป็นวาล์วที่ทนต่อการเปิด-ปิด เป็นบ่อยๆ ทนต่อสารเคมีที่ใช้ในสระว่ายน้ำเมื่อชำรุดง่ายต่อการเปลี่ยนสามารถรับแรงดันน้ำได้ดี การเลือกซื้อ วาล์วชนิดนี้ ซึงมีหลายแบบหลายขนาด ควรจะเลือกซื้อให้เหมาะสมกับงานที่ใช้
การติดตั้ง บอลวาล์วยูเนียน
1.แกะส่วนที่เกลียวยูเนียนออก ตรวจเช็คยาง O-ring และการหมุนของเกลียว unionอยู่ในสภาวะผืดหรือคล่องตัว
2.ประกอบกลับไม่ต้องบิดเกลี่ยวของ Unionให้แน่น
3.วัดขนาดของท่อที่จะตัดออกระหว่างสอง Union ทำขีดไว้เป็นสัญลักษณ์ ส่วนของท่อที่จะส่วมเข้าไปในunion (ประมาณ 4 cm)
4.ตัดท่อทั้งสองด้านให้ได้ระดับที่เสมอกันไม่สมควรจะตัดให้ปลายท่อเฉียงเพราะจะทำให้พื่นที่ผิวของปลายท่อกับUnion มีพื้นที่การเกาะติดของกาวน้อย
5.ทำความสะอาดปลายท่อและพื้นผิวด้านในของ Unionที่จะถ้ากาว
6.แกะเกลียวของ union ออกทั้งสองด้าน ทา กาวพอประมาณระหว่างปลายท่อกับพื้นผิวด้านในของ Union ขณะที่สวมท่อกับ Union ให้หมุนท่อหรือ Union พร้อมกับกดให้ได้ตามที่ขีดไว้ให้ปัดเศษกาวส่วนเกินจากการทาออกระวังอย่าทากาวมากเกินไปเพราะกาวที่เหลือจะไหลไปติดเกลียวของ Unionตัวบอลข้างในหรือไปติดกับ o-ringเพราะจะทำให้ o-ring ตอนที่ขันเกลียวปิดไม่สนิทน้ำจะรั่วซึ่มได้ ถ้าเป็นวาล์วขนาดใหญ่ให้ทากาวให้ลื่นพอประมาณ ช่วงที่สวมระหว่างท่อกับ Union ให้ใช้ฆ้องยางหรือไม้เคาะไว้จนกว่าจะได้ตามขีดที่กำหนดไว้ ห้ามเคาะแรงเกินไปหรือเบาเกินไปเพราะจะทำให้กาวที่ทาที่ท่อไม่ทั่วถึง ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ ball valve ตรง union ปัญหารั่ว
กรณีเปลียน Ball valve union ในขณะที่มีน้ำไหลในท่ออยุ่ เช่น สระว่ายน้ำที่อยู่ที่ระดับสูงกว่าห้องปั๊มสระว่ายน้ำ หรือเปลี่ยน ball valve union ของท่อน้ำจ่าย จากถังกรองไปยังสระว่ายน้ำ หรือ อาจเรียกว่า ท่อ line return ซึ่งในกรณีนี้ ถ้าเราไม่ต้องการ ดำน้ำปิดเพื่อไม่ให้น้ำไหล เราสามารถ ทำได้ดังนี้
1.ต้องเปิดให้น้ำไหลออกจากท่อน้ำที่มี Ball valve union ที่เราต้องการเปลี่ยน แต่อย่าลืมว่าในห้องปั๊ม มีไดโวปั๊มคอยดูดน้ำออกในห้องปั๊มทันกับน้ำที่ไหลออกมา
2.เปิด Valve union ที่เราต้องการเปลี่ยนให้น้ำไหลออกมาไว้
3.จากนั้นให้เราแกะเกียวของ Union ออกทั้งสองด้านเอาเฉพาะตัว ball valve ออก
4.เปลี่ยน Ball valve ตัวใหม่ที่เราต้องการเปลี่ยนออก โดยให้ วาล์วนั้นอยุ่ในลักษณะเปิดไว้
5.ในขณะที่เปลียน Ball valveให้เช็ค ยาง o-ringไม่ให้หลุดออกหรือบิดเบี้ยว จากนั้นค่อยขันเกลียวของ unionเข้าให้แน่นด้านที่น้ำไหลออกแล้วขันเกลียวที่เหลือให้แน่น ค่อยๆปิดวาล์วน้ำ
การติดตั้ง Ball valve union ในห้องปั้มให้พิจารณาถึงความเหมาะสมของระยะวาล์วด้วยให้ใส่ตามลูกศรตามทิศการไหลของน้ำ
Check valve
Check valve คือ ส่วนที่ทำหน้าที่ในการหยุดการไหลของน้ำในขณะที่ปั๊มหยุดทำงาน ป้องกันน้ำไหลย้อนกลับ จะมีทิศทางการไหลอยู่ทางเดียว ดั้งนั้นเวลาติดตั้ง check valve ควรจะดูลูกศรให้ดี
การติดตั้ง Check valve มีลักษณะคล้ายกับการติดตั้ง ball valve union ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
กรณีที่1 ถ้าห้องปั๊มหรือปั๊มสระว่ายน้ำอยู่ในระดับเดียวกันกับระดับสระว่ายน้ำ ควรจะใส่ check valveไว้ตัวเดียว คือหลังถังกรอง
กรณีที่2 ถ้าห้องปั๊มหรือปั๊มสระว่ายน้ำอยู่สูงกว่าระดับสระว่ายน้ำ ควรจะใส่ Check valve เหมือนกรณีที่หนึ่ง ถ้า ท่อ over flow ท่อน้ำทิ้ง 000 ของ surge tank บ่อพัก แล้วไหลทิ้งออกข้างนอก
กรณีที่3
ถ้าห้องปั๊มอยู่ต่ำกว่าระดับสระว่ายน้ำอยู่มาก ควรจะใส่ check valve ไว้ 2 ตัว คือ หลังถังกรอง กับ หลังปั๊ม ให้พิจารณาที่ surge tank ด้วยอยู่ที่ต่ำแหน่งต่ำกว่าระดับสระว่ายน้ำมากน้อยแค่ใหน
กรณีที่4
ถ้ามีปั๊มมากกว่า 1 ตัว ต่อกันเป็น Line ท่อเดียวกัน ให้ทำ header ไว้ แล้วให้ใส่ check valve ไว้ หลังปั๊มทุกตัวปั๊ม ซึ่งทางที่ดีควรจะใส่ ball valve ทุกตัวปั๊มด้วย ทั้งนี้เพื่อป้องกัน check valve เสียเพื่อป้องกันน้ำไหลเวียนอยู่กับที่และกันปั๊มสระว่ายน้ำ
การทำความสะอาด check valve ในกรณี check valve ค้าง หรือ มีเศษขยะติดอยู่ข้างใน
1.ปิด สวิทซ์ ปั๊มสระว่ายน้ำ
2.ปิดวาล์วน้ำในกรณีที่จะทำให้น้ำไหลถ้าระดับของห้องปั๊มอยู่ต่ำกว่าระดับสระน้ำ
3.แกะ Union ทั้งสองด้านออกโดยหมุนเกลียวออก (หมุนทวนเข็มนาฬิกา)
4.แกะส่วนที่เป็น check valve ออก
5.ทำความสะอาดโดยเอาขยะและปรับสปริง(ถ้ามี)ให้อยู่ในสภาพปกติ
6.ถ้ามีจารบีขาว000ในส่วนที่ทำให้ผืดด้วยแล้วประกอบกลับเหมือนเดิม
การเลือกซื้อ check valve ควรจะดูขนาดของท่อและแรงดันของน้ำด้วยให้เหมาะสมกัน นอกจากนี้ให้ check valve อยู่ในระยะที่เหมาะสมกันง่ายต่อการทอดออกทำความสะอาด ไม่ควรเลือก check valve ที่แรงสปริงน้อยให้อยู่ใกล้ปั๊มมากเกินไป โดยปกติแล้วcheck valve แบบสปริงสปริงที่มีจำนวนขดยาวจะดีกว่าสปริงที่มีจำนวนขดน้อยกว่า
Foot valve (หัวดูดน้ำ) และFloat valve (ลูกลอยเติมน้ำ)
Foot valve มีลักษณะคล้ายๆกับ check valve คือบังคับให้น้ำไหลได้ทางเดียว จะเป็นอุปกรณ์ไว้กั้นน้ำเพื่อป้องกันการไหลกลับของน้ำในท่อโดยทั่วไปจะใช้งานอยู่ทั่วไป เช่น บ่อน้ำ ระบบประปา แต่foot valve ของสระว่ายน้ำจะมีลักษณะพิเศษคือ ทนต่อสภาพน้ำที่มีคลอรีนและเกลือ สิ่งสกปรกต่างๆที่อยู่ใน surge tank และจะมีการเปิดปิดของลิ้นfoot valve อยู่บ่อยๆ foot valve ของสระว่ายน้ำจะอยู่ใน surge tank สระว่ายน้ำ ดังนั้นเวลาเดินท่อใน surge tank ควรจะอยู่ที่ต่ำแหน่งที่ง่ายต่อการติดตั้ง foot valve และสามารถเห็นได้ชัดเจนทั้งนี้เพื่อง่ายในการทำความสะอาดและตรวจเช็ค foot valve ตอนที่ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ
Gate valve
เป็นวาล์วน้ำ ส่วนใหญ่จะใช้กับระบบน้ำประปา กับ อากาศ และอุปกรณ์ที่ใช้แรงดันน้ำสูง ซึ่งไม่นิยมใช้ในสระว่ายน้ำเพราะเสียเวลาในการเปิดปิดและง่ายต่อการกัดกรอนของวาล์ว
Butterfly valve เป็นวาล์วน้ำที่ส่วนใหญ่จะใช้กับท่อที่มีแรงดันสูงและใช้กับท่อที่มีขนาดใหญ่เพราะง่ายต่อการเปิดปิด ส่วนใหญ่ใช้กับระบบสระว่ายน้ำที่มีขนาดใหญ่
ข้อควรระวัง ในการใช้ Butterfly valve เมื่อมีการใช้งานนานๆจะมีขยะไปสะสมที่แกนข้างในซึ่งเป็นปีกที่ใช้เปิดปิดถ้ามีขยะไปติดมากๆจะทำให้ปิดวาล์วไม่สนิท
วิธีการแก้ไข ให้เราลองเปิดปิดวาล์วแบบเร็วๆในขณะที่ปั๊มสระว่ายน้ำทำงานถ้าขยะยังไม่ออกต้องแกะวาล์วออกมาทำความสะอาด
Multiport valve
คือวาล์วที่ใช้ในการควบคุมให้น้ำไหลตามทิศทางที่เราต้องการในหนึ่งตัววาล์วสามารถใช้งานได้หลายๆอย่าง โดยปกติแล้วแล้ว Multiport valve ที่จะกล่าวในที่นี้เป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งของถังกรอง เป็นวาล์วที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของถังกรอง multiport valve ที่ใช้กับถังกรอง จะมี 2 แบบ คือ แบบที่อยู่ด้านบนของถังกรอง (top mount) แบบที่ข้างๆถังกรอง (site mount) ซึ่งทั้งสองแบบ จะมีลักษณะการทำงานที่คล้ายๆกัน
Top mount site mount
ตำแหน่งต่างๆที่อยู่ในหัว Multiport valve มีการใช้งานดังนี้
ก่อนอื่นเมื่อเราพิจารณาที่หัว Multiport valve จะมีข้อต่อเกลียวที่ต่อกับท่อ อยู่สามท่อ คือ ท่อน้ำเข้า(Inlet line) ท่อน้ำออก(outlet line) ท่อน้ำทิ้ง(waste line)
ท่อน้ำเข้า(Inletline)จะต้องต่อกับท่อน้ำจ่ายของปั๊มโดยอยู่ส่วนบนของหัว multiport valve โดยจะเขียนว่า “pump”
ท่อน้ำออก(Outlet line) จะต้องต่อกับท่อน้ำที่จ่ายเข้าไปในสระน้ำ หรือ เราเรียกว่า ท่อ”Return to pool” หรือ ท่อ “Inlet to pool”
ท่อน้ำทิ้ง(Waste line) จะต้องต่อกับท่อน้ำที่เอาไว้น้ำออกจากระบบเอาน้ำออกจากสระว่ายน้ำ จะเขียนว่า “waste”
หน้าที่ต่างๆของต่ำแหน่งหัว Multiport valve
1.filter-filtration ถ้าวาล์วอยู่ที่ตำแหน่งนี้สถานะการทำงานจะเป็นการกรองของถังกรอง เป็นตำแหน่งปกติของระบบเมื่อมีการเปิดระบบสระว่ายน้ำ
2.Back Wash ถ้าวาล์วอยู่ที่ต่ำแหน่งนี้ สถานะการทำงานจะเป็นการล้างถังกรองโดยปกติน้ำในถังกรองจะไหลจากบนลงข้างตอนที่วาล์วของmultiportอยู่ที่ตำแหน่งfilterเมื่อเราปรับวาล์วไปที่ตำแหน่งBack wash น้ำในถังกรองจะไหลจากด้านใต้ขึ้นมาด้านบน ถ้าเป็นถังกรองทรายเราจะทำการ Back wash เป็นการล้างทรายกรองเอาสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในทรายกรองออกจากถังกรอง นอกจากนี้ถังกรองส่วนใหญ่มีเกจด์วัดแรงดัน(pressure gauge)เพื่อวัดแรงดันภายในถังกรองคือเมื่อมีสิ่งตะกอนสะสมที่ถังกรองมากขึ้นจะทำให้แรงดันภายในถังกรองมากขึ้น เกดจ์วัดจะมีค่ามากขึ้น
รูปของ pressure gauge
ตัวอย่างเช่น
เมื่อเราเปิดระบบสระว่ายน้ำให้ทำงานตามปกติให้เราดูที่เกดจ์วัดแรงดันขึ้นไปที่เท่าไร ถ้าค่าที่เราอ่านได้ขึ้นที่ 100 kpa เมื่อระบบสระว่ายน้ำทำงานหลายๆวันเกจด์วัดแรงดันก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนกว่าถึงระดับที่ตะกอนสะสมที่ถังกรองเต็มเกจด์วัดแรงดันอาจจะอ่านค่าได้ที่ 180 kpa หรือ 200 kpa ให้เราทำการ Back wash ทั้งนี้ในการ Back wash แต่ละครั้งต้องดูน้ำใน Surge tank ว่ามีน้ำมากน้อยแค่ใหน การทำการ Back wash ถังกรองทรายค่าความแตกต่างเกจด์วัดแรงดันของถังกรองจะน้อยกว่าถังกรองผ้า
****(หมายเหตุ 100 kpa = 14.503 psi = 1 bar = 1 kg/cm2)
ขั้นตอนการ Back wash ถังกรองทราย
1.ปิดสวิสต์ปั๊มสระว่ายน้ำ
2.กดแล้วหมุนวาล์วของ Multiport valve ไปที่ต่ำแหน่ง Backwash (ทุกครั้งที่เราจะเลื่อนวาล์ว ของ multiport valveห้ามเลื่อนวาล์วไปที่ต่ำแหน่งใดๆ ขณะที่ปั๊มสระว่ายน้ำทำงาน หรือมีแรงดันในท่อสูง)
3.เปิดสวิตซ์ปั้มสระว่ายน้ำเราจะสังเกตเห็นสิ่งสกปรกออกจากลูกแก้วที่ติดไว้กับท่อน้ำทิ้ง
ของMultiport valve ซึ่งเราเปิดปั้มไว้ 2-3นาทีจนสังเกตเห็นลูกแก้วที่ติดไว้กับท่อน้ำทิ้งเริ่มใส่
4.ปิดสวิทซ์ปั้ม
5.ปรับวาล์วที่ตำแหน่งของ Rinse
6.เปิดสวิทซ์ปั้มให้ปั้มทำงานประมาณ 1นาที หรือให้สังเกตเห็นลูกแก้วที่ติดไว้กับท่อน้ำทิ้งน้ำจะใส่
7.จากนั้นปิดสวิทซ์ปั้ม
8.ปรับตำแหน่งวาล์วของหัว Multiport valve ไปที่filter
rinse ถ้าปรับวาล์วที่ตำแหน่งนี้น้ำจะไหลเข้าจากท่อน้ำเข้าของหัว multiport valveจะไหลจากด้านบนของถังกรองเพื่อให้เกิดน้ำหมุนในถังกรองเป็นการปรับพื้นผิวส่วนบนของทรายกรองหลังจากBackwash/Recalculate ถ้าวาล์วอยู่ที่ตำแหน่งนี้น้ำจะไม่ไหลผ่านถังกรองน้ำจะเข้าทางท่อน้าเข้าของหัว multiport แล้วจะไหลออกจากท่อน้ำออกของหัว multiport ซึ่งเราจะเลื่อนวาล์วให้อยู่ในตำแหน่งนี้ก็ต่อเมื่อเช่น ถังกรองแตก ถังกรองรั่ว เมื่อมีการเติมสารเคมีบางอย่าง เช่นเติมสารส้มลงในสระน้ำ เพระสารส้มจะทำให้เกิดการอุดตันที่ทรายกรอง ทำให้ทรายในถังกรองมีการจับตัวเป็นก้อน waste เมื่อปรับวาล์วที่ตำแหน่งนี้ น้ำจะไหลเข้าจากท่อน้ำเข้าของหัว multiport valve แล้วออกไปยังท่อน้ำทิ้ง waste ของหัว multiport valveซึ่งเราจะปรับวาล์วไปที่ตำแหน่งนี้ก็ต่อเมื่อ เช่น เอาน้ำออกจากสระน้ำ ดูดตะกอนในสระน้ำทิ้ง closed เมื่อปรับวาล์วที่ตำแหน่งนี้เมื่อเราต้องการปิดวาล์วไม่ให้น้ำเข้าไปยังถังกรอง(ห้ามเปิดปั้มน้ำในขณะที่วาล์วอยู่ที่ตำแหน่งclosedของหัว multiport ซึ่งอาจจะทำให้หัว multiport เสียหายหรือชำรุดได้ )
การล้างถังกรองทราย(Back wash) ที่มีถังกรองมากกว่า 1 ใบ
1.ให้เราปรับวาล์วของหัว Multiport ไปยังตำแหน่ง back wash เฉพาะที่เราต้องการล้างถังกรองเท่านั้นส่วนถังกรองตัวอื่นให้เราปรับวาล์วที่ต่ำแหน่งของหัวmultiportไปยังตำแหน่ง Closed
2.จากนั้นให้เราเปิดปั๊ม 1 ตัว ดูก่อน ให้เราดูเกจด์วัดแรงดันภายในถังกรองแรงดันขึ้นสูงหรือต่ำถ้าปั๊มตัวใหญ่ถังกรองเล็กให้เราทำการ back wash ถังกรองหลายๆใบเลยก็ได้ให้เราดูเกจด์วัดแรงดันที่ถังกรองเป็นหลักเพราะถังกรองแต่ละชนิดแต่ละยี่ห้อรับแรงดันไม่เท่ากัน ถ้าถังกรองใหญ่และปั๊มตัวเล็ก การbackwashเปิดปั๊มตัวเดียวถังกรองอาจไม่สะอาดเพราะแรงดันไม่เพียงพอ ควรจะเปิดปั๊มหลายๆตัว ให้ดูที่ถังกรองเพื่อให้ได้แรงดันมี่แหมาะสม (ประมาณ 1.5-2.5bar)
ในกรณีที่หัว Multiport valve วาล์วติดค้างไม่สามารถปรับหมุนไปยังต่ำแหน่งใดๆได้ ซึ่งสาเหตุอาจมาจากเม็ดทรายหรือเศษวัสดุที่แข็งไปติดที่ โรเตอร์(Rotor) ของหัว multiport ห้ามเราใช้แรงบิดหมุนวาล์ว multiport ซึ่งอาจเกิดการชำรุดเสียหายกับหัว multiportได้
ให้เราปฏิบัติดังนี้
ในกรณีสระว่ายน้ำอยู่แนวระดับที่สูงกว่าห้องปั๊ม
1.ให้เราปิดปั๊มสระว่ายน้ำ จากนั้น ให้เราเปิดวาล์วของMain drain
2.ให้เราโยกวาล์วโดยกดก้างวาล์วขึ้นลงของวาล์วmultiportโดยใช้แรงดันภายในท่อ Main drainในการดันเม็ดทรายหรือเศษวัสดุออก
ในกรณีที่ถังกรองอยู่สูงกว่าระดับสระว่ายน้ำ
1.ให้เราโยกเบาๆโดยกดก้างวาล์วของหัวMultiportขึ้นลงตอนที่ปั๊มสระว่ายน้ำทำงานอยู่ไม่ต้องหมุนวาล์วถ้าไม่ออกให้กดวาล์วขึ้นลงทำไปเรื่อย (ถ้าไม่ออกจริงๆให้กลับนอนซะ) วิธีสุดท้ายเราต้องแกะน๊อตของหัวmultiportออก
การใส่ ซีนยางห้าแฉก(Spider gasket) ของหัว multiport valve
1.ปิดสวิตซ์ของปั๊มสระว่ายน้ำ
2.ให้ปิดวาล์วก่อนเข้าถังกรองทั้งหมดและหลังออกถังกรองทั้งหมด
3.ไล่อากาศในถังกรองออกโดยการหมุนเกลียวจุกไล่อากาศของถังกรองหรือของหัว Multiport
4.ให้กดที่ก้างวาล์วของMultiport valve แล้วดันขึ้นเลื่อนที่ต่ำแหน่งอย่าให้ตรงช่องของต่ำแหน่งใดเพื่อกดสปริงข้างในลง
5.เอาสครูที่ยึดหัว Multiport ออก
6.ยกส่วนที่ประกบด้านบนของหัวMultiport ออก จะเห็นลักษณะการอยู่ของซีนยางห้าแฉก ถ้าซีนยางอยู่ในลักษณะปกติ ซีนยางจะอยู่ในร่องของซีนยางจะไม่บิดเบี้ยวหรือหลุดออก
7.ถ้าซีนยางหลุดออกหรือเสื่อมสภาพ ให้เราดึงออกแล้วทำความสะอาดร่องของซีนยางโดยการขูดคราบกาวหรือซิลิโคนเก่าออกและเศษซีนยางเก่าออกให้หมด
8.ทำให้แห้งในร่องที่จะใส่ซีนยางด้วยผ้าที่สะอาดหรือทิชชูก็ได้
9.เอา ซิลิโคนหรือกาว ทาในร่องซีนยางให้ทาพอประมาณ
10.เอายางห้าแฉก (spider gasket) ใสตามรอยให้ถูกตามรอง(ให้สังเกตด้านบนจะนูนด้านล้างจะเรียบของยางห้าแฉก) ให้ใสด้านเรียบลงในรองของยางห้าแฉกจากนั้นใช้นิ้วชี้กดที่ยางห้าแฉก เพื่อให้ยางอยู่ในระดับที่เท่ากัน
11. หรือให้ประกอบกลับให้เหมือนเดิมจากนั้นให้ปรับวาล์วที่ต่ำแหน่งของFilter เพื่อให้ Rotor ที่อยู่ด้านในกดทับ (spider gasket)ไว้
Header
คือเป็นจุดศูนย์รวมของท่อต่างๆเพื่อให้ท่อน้ำไหลเข้าไปจุดเดียวกัน โดยปกติแล้วที่ Headerจะท่อน้ำที่เข้าคือส่วนที่มาจาก main drain (สะดือสระ)ส่วนที่มาจาก surge tank (บ่อพักน้ำ)ส่วนที่มาจาก (vacuum) ท่อดูด แล้วน้ำจะไหลออกเข้าไปยังปั้มสระว่ายน้ำหรืออาจจะกล่าวได้ว่าหรือจะมีท่อน้ำที่ปั้มสระว่ายน้ำดูดท่อ header เข้าไปยังสระว่ายน้ำแล้วเข้าไปยังถังกรอง ในแต่ละท่อไว้เพื่อใช้ในการควบคุมการไหลของน้ำ เช่นถ้าเราต้องการดูดตะกอนในสระ เราจะเปิดวาล์วของ vacuum แล้วปิดวาล์วของmain drain แล้วปิดวาล์วของ surge tank ถ้าเราต้องการจะดูดน้ำจาก main drain ให้เราปิดวาล์วของ surge tank กับวาล์วของ vacuum ซึ่งเราสามารถเปิด-ปิดที่ละวาล์วถ้าเราอยากจะทราบของท่อแต่ละline
*ข้อควรระวัง
ขณะที่จะมีการเปิด-ปิดวาล์วควรจะปิดปั้มก่อนและให้การตรวจเช็ดฝาอุดของท่อ Vacuum ที่อยู่ในสระน้ำเสียก่อน
ถังกรอง(Filter)คือเป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งที่ใช้ในการดักสิ่งสกปรกต่างๆไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพหรือทางเคมี
การกรองทางกายภาพคือการแยกแยะสิ่งสกปรกสิ่งที่ไม่ต้องการเช่น เศษใบไม้ เศษของแข็ง ตะไคร่น้ำความขุ่นของสี แยกออกจากน้ำเพื่อให้น้ำสะอาด
การกรองทางเคมีคือการดูดซับและกำจัดไอออนต่างๆที่มีอยู่ในน้ำ เช่น น้ำสนิมเหล็ก น้ำที่เจือปนด้วยโลหะต่างๆ
ถังกรองที่ใช้ในสระว่ายน้ำมีหลายแบบหลายชนิดด้วยกันแต่ที่นิยมใช้กับสระว่ายน้ำมี 3 แบบด้วยกัน
1.ถังกรองทราย
2.ถังกรองผ้า
3.ถังกรองกระดาษ
ถังกรองทราย
ถังกรอง คือเป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งที่ใช้ในการดักสิ่งสกปรกต่างๆไม่ว่าจะเป็นทางกายภาพหรือทางเคมีการกรองทางกายภาพ คือการแยกขยะสิ่งสกปรกสิ่งที่ไม่ต้องการ เช่น เศษใบไม้ เศษน้ำแข็ง ตะไคร้น้ำ ความขุ่นสีแยกออกจากน้ำเพื่อให้น้ำสะอาด
การกรองทางเคมี คือ การดูดซับและกำจัดไอออนต่างๆที่อยู่ในน้ำ น้ำสนิมเหล็ก น้ำที่เจือปนด้วยโลหะต่างๆให้น้ำนั้นสะอาดโดยปกติแล้วเคื่องกรองน้ำที่ใช้ในสระว่ายน้ำมีหลายแบบหลายชนิดด้วยกันแต่ที่นิยมใช้อยู่กับระบบสระว่ายน้ำมี 3 แบบด้วย
1.ถังกรองทราย
2.ถังกรองผ้า
3.ถังกรองกระดาษ
1.1ถังกรองทรายที่ใช้ในสระว่ายน้ำมี 2 แบบ ด้วยกัน ถังกรองทรายแบบ Top mount คือ ถังกรองทรายที่มีหัว multiportอยู่ส่วนบนของถังกรอง อีกแบบหนึ่งเราเรียกว่าถังกรองทรายแบบ site mount คือ ถังกรองที่มีหัว multiport อยู่ข้างๆถังกรอง
เหตุผลที่เราเรียกถังกรองทรายเพราะส่วนใหญ่ที่เราใส่ในถังกรองจะเป็นทราย ซึ่งที่จริงในถังกรองเราสามารถใช้สารกรองอื่นๆ(media)แล้วแต่ตามจุดประสงค์ที่เราต้องการ เช่น manganese zeolite เป็นสารกรองที่สามารถกำจัดน้ำที่มีค่าเหล็กสูง น้ำสนิม ผงถ่านใช้ในการกำจัดน้ำที่มีกลิ่น และพวกไอออนอื่นๆ Resin ใช้ในการกำจัด ไอออนชนิดต่างๆ Fe2+, Fe3+,NO3,PO2-4และความกระด่างของน้ำ สาร zeolite เป็นสารที่ช่วยลดความกระด่างของน้ำและกำจัด ไอออนชนิดต่างๆได้เหมือนเพราะคุณสมบัติพิเศษของ Zeolite คือ มีรูพรุนสามารถดูดวับไอออนชนิดต่างๆและกลิ่นได้ดี
การใส่ทรายในถังกรองในกรณีที่ถังกรองเป็นแบบ top mount
1.แกะหัว multiport valve ออก ให้สังเกตจะมีแกนท่ออยู่ในถังกรองจะต่อไว้กับหัว multiport valve ซึ่งเราสามารถดึงออกมาได้ (ระวัง ซีนยางหาย)
2.จัดแกนท่อกับรูเสียบของหัวMultiport ให้ตรงกัน
3.เติมน้ำในถังกรองให้เต็มถังกรอง
4.ค่อยๆเติมทรายตามปริมาณที่ถังกรองได้ระบุไว้ขนาดของทรายที่จะใส่ล่งในถังกรองมีความสำคัญมากที่จะให้การกรองมีประสิทธิภาพโดยให้เราพิจารณาขนาดของปั๊มและขนาดของถังกรอง ขนาดของทรายที่เราใส่ต้องมีความเหมาะสมกัน ขนาดของทรายที่ใช้กับถังกรองมีหลายขนาดด้วยกัน ตั้งแต่ขนาด 0.2 มิลลิเมตรจนถึงขนาด 1.2 มิลลิเมตร ส่วนใหญ่จะเลือกทรายขนาดใหญ่เอาไว้เป็นส่วนฐาน แล้วค่อยเติมทรายขนาดที่เหมาะสมลงไป โดยทั่วไปทรายที่เราใช้ในถังกรอง ขนาด 0.4 มิลลิเมตร
5.ให้ใส่ทรายตามปริมาณที่ฉลากบนถังกรองได้ระบุไว้ หรือให้เหลือไว้ 20 เซนติเมตร จากปากของถังกรอง ถ้าใส่ทรายมากเกินไป การทำงานของปั๊มสระว่ายจะหนัก การหมุนเวียนของน้ำก็จะช้า และทรายอาจพ้นในสระได้
6.ขณะที่ใส่ทรายให้ระวังอย่าให้ทรายเข้าไปในท่อแกนของถังกรองเพราะจะทำให้ทรายไปอุดในท่อแกนถังกรอง
7.ประกอบหัว Multiportเข้ากับถังกรอง (ระวังอย่าให้ เม็ดทรายเข้าไปอุดที่ซีนยาง)
8.ให้ทำการ back wash ถังกรอง
9.ให้ทำการเปิดปั๊มสระว่ายน้ำเดินระบบตามปกติให้เช็คเกจด์วัดแรงดันที่ถังกรองขึ้นสูงหรือต่ำซึ่งให้เหมาะสมกับฉลากที่ถังกรองที่ได้ระบุบไว้
ในกรณีถังกรองทรายที่ใช้เป็นแบบ Size mount ให้แกะฝาถังกรองที่อยู่ด้านบนออก ให้ปิดปากที่แกนท่อด้วยถุงหรือฝาอะไรก็ได้เพื่อป้องการทรายลงไปในแกนท่อ จากนั้นให้เติมน้ำในถังกรองให้เต็ม ก่อนเติมทรายในถังกรอง ถังกรองต้องอยู่ในต่ำแหน่งที่เหมาะสม และได้ระดับ จากนั้นให้เติมทรายในถังกรองให้ทำตามขั้นตอนคล้ายๆกับถังกรองทรายแบบ top mount
ถังกรองผ้า
ถังกรองผ้าที่ใช้กับสระว่ายน้ำโดยส่วนใหญ่มี 2 แบบ แบบที่มีหัว multiport อยู่ข้างๆ(size mount) เช่น ของยี่ห้อ Hayward กับถังกรองที่ไม่มีหัว multiport เช่นของยี่ห้อ sta-rite เมื่อเราใช้ถังกรองผ้า สิ่งที่เราต้องเป็นประจำ คือ การล้างถังกรอง การที่เราจะล้างถังกรองให้เราสังเกตุจากเกจด์วัดแรงดันที่ถังกรองถ้าผ้ากรองเริ่มสกปรก เกจด์วัดที่อยู่บนถังกรอง จะสูงขีดสีแดง(ประมาณ 20- 30 psi) ซึ่งหมายความว่า จะมีแรงดันที่ถังกรองสูง การหมุนเวียนของน้ำก็จะช้า หรือสังเกตุได้ที่เสียงของปั๊มสระว่ายน้ำ
การล้างถังกรองผ้า
1.ให้ทำการ back wash เพื่อให้สิ่งสกปรกบ้างส่วนออก
2.ปิดวาล์วหน้าปั๊มและวาล์วที่จ่ายน้ำเข้าไปในสระ(ถ้ามีcheck valveแล้วไม่ต้องปิดก็ได้)
3.เปิดฝ้าเกลียวที่ใต้ถังกรองหรือวาล์วน้ำทิ้งในถังกรอง เอาน้ำในถังกรองออก
4.เปิดเกลียวจุกไล่อากาศออกเพื่อไล่แรงดันในถังกรองออก
5.แกะเกลียว เหล็ก ยึด ถังกรองออก
6.เปิดฝ้าถังกรองออก
7.ดึงส่วนที่เป็นฝ้าถังกรองออก
8.นำไปฉีกด้วยน้ำจากด้านนอกหรือด้านในโดยแกะสครูออกแล้วดึงแผ่นผ้ากรองออกมาที่ละซีมาฉีกล้างน้ำหรือใช้แปรง ในลอน(Nylon Brush) แปรงเบาๆห้ามใช้แปรงลวดเพราะทำให้ผ้ากรองเสียหายได้
*หมายเหตุถ้าผ้ากรองสกปรกมากอาจนำผ้ากรองไปแช่ในถังที่มีคลอรีนน้ำ แช่ไว้ 1 คืน เพื่อเอาคราบสกปรกออก หรือ อาจแช่ในน้ำกรดที่เจือจาง 10 % เอา 1 หรือ 2 ชั่วโมง ห้ามแช่ในน้ำคลอรีนเข้มข้นหรือกรดเข้มข้นเพราะทำให้ผ้ากรองเสื่อมสภาพเร็ว
9.ล้างภายในถังกรอง
10.ประกอบผ้ากรองเข้ากับโครงยึดผ้ากรองโดยให้สังเกตจะมีผ้ากรองแผ่นที่เล็กที่สุดให้ใส่สุดท้ายให้ใส่โครงยึดตรงตำแหน่งช่องของผ้าผ้ากรอง
11.ปิดฝ้าเกลียวใต้ถังกรองให้แน่น
12. เตรียมผงกรอง ตามจำนวนของแต่ละถังกรองที่กำหนดไว้ที่ฉลากของถังกรอง ได้ระบุไว้
13.นำผงกรองเทลงในถังกรองเติมน้ำในถังกรองเพื่อกวนผงกรองให้เป็นเนื้อเดียวกัน
14.นำผ้ากรองที่ล้างแล้วส่วนกับท่อของถังกรองที่อยู่ในถังกรอง
15.ปิดฝากรองให้แน่นให้ยึดน๊อตเกลียวยึดโครงเหล็กถังกรองโดยค่อยๆหมุนเกลียวแล้วเคาะรอบๆโครงเหล็กยึดไปเรื่อยๆจนกว่าจะแน่น(หรือให้ครูพันตัวน๊อต)(ในกรณีที่เป็นถังกรองของยีห้อhay ward)
ในกรณีที่การล้างผ้ากรองที่เป็นของยี่ห้อ sta-rite.
1.ให้เราเอาน้ำในถังกรองออกก่อนโดยการเปิดเกลียวที่ใต้ถังกรองออก จากนั้นให้เปิดจุกไล่อากาศ
2.กดตัวล็อกแล้วหมุนเกลียวล็อกถังกรองออก
3.ดึงฝ้าครอบถังกรองออก
4.ดึงแผ่นกรองข้างในออก
5.นำแผ่นกรองไปฉีกน้ำล้างทำความสะอาด
6.ทำความสะอาดยาง O-ringรอบๆถังกรอง
7.นำแผ่นกรองที่สะอาดแล้วใส่ให้ตรงล็อกของผ้ากรอง
8.ปิดเกลียวใต้ถังกรองให้แน่น
9.ใส่ผงกรองDEตามจำนวนที่ถังกรองได้ระบุไว้ (ให้ดูที่ฉลากของถังกรอง)
10.เปิดวาล์วน้ำก่อนเข้าถังกรองและหลังออกถังกรองแล้วเปิดปั๊มตามปกติ
*หมายเหตุ เมื่อเปิดปั๊มสระว่ายน้ำใหม่ให้เปิดจุกไล่อากาศให้น้ำเต็มถังกรอง อาจจะมีผงกรองพ้นออกเข้ามาในสระว่ายน้ำเล็กน้อยค่อยๆดูดเข้าถังกรองที่หลัง
การล้างถังกรองแบบกรองกระดาษ
1.เปิดจุกไล่อากาศออกโดยเอาน้ำและแรงดันในถังกรองออก
2.ปิดวาล์วก่อนเข้าถังกรองและหลังออกถังกรอง
3.เปิดเกลียวยึดฝ้าครอบถังกรองออกแล้วดึงฝ้าครอบขึ้น
4.ดึงไส้กรองออกนำไปฉีกล้างน้ำถ้าฉีกไม่ออกให้นำไปแช่ในน้ำคลอรีนหรือน้ำกรดเจือจาง(10%)
5.นำไส้กรองใส่ให้ตรงช่องของไส้กรองแล้วนำฝ้ากรอบถังกรองใส่ให้ระวังยางO-ringของฝ้าครอบถังกรองต้องใส่ให้ตรงช่องเพราะอาจให้น้ำรั่วได้
6.ปิดเกลียวฝ้าครอบถังกรองให้แน่นเปิดวาล์วก่อนเข้าถังกรองและหลังออกถังกรองทำการเปิดปั๊มสระว่ายน้ำไล่อากาศให้น้ำเต็มถังกรองปิดจุกให้แน่น
อุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมปั๊มสระว่ายน้ำ(Control box)
มีดังต่อไปนี้
1.Timer
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของปั๊มเราสามารถกำหนดการทำงานของปั๊มในแต่ละช่วงเวลาที่เราต้องการ การทำงานของปั๊มจะใช้เวลานานหรือช่วงเวลาสั้นซึ่งต้องสอดคลองกับ Flow ปั๊ม ขนาดของสระว่ายน้ำ ถ้ามีเครื่องผลิตคลอรีนแบบอัตโนมัติ (salt chlorinator) ต้องให้สัมพันธ์จำนวน แก๊สคลอรีนที่ผลิตออกมาได้ที่จะจ่ายเข้าไปในสระซึ่งสังเกตได้จากการ ทดสอบค่าฟรีคลอรีนที่อยู่ในสระน้ำ และปั๊มแต่ละชนิดแต่ละยี่ห้อจะมีการดุดน้ำหรือการไหลของน้ำที่จ่ายเข้าไปในสระไม่เท่ากัน ชึ่งปั๊มส่วนใหญ่จะบอกไว้ที่ name plate
ตัวอย่างเช่น
ปั๊มตัวหนึ่งเขียนบอกไว้ที่ Name plate ว่า 320ลิตร/นาที หมายความว่าในสภาวะปกติคือขนาดของท่อน้ำกับความยาวของท่อน้ำระดับความสูงที่กำหนดไว้ปั๊มตัวนี้สามารถดูดน้ำได้ที่ 320 ลิตร ต่อ นาที
ตัวอย่างเช่น
เช่นสระขนาด 30 M3 ถ้าปั๊มสระว่ายน้ำสามารถดูดน้ำได้ที่ 420ลิตร/นาทีแสดงว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไร
การคำนวณ
ปั๊มทำงาน 1 นาที่ ดูดน้ำได้ 420 ลิตร
ถ้าปั๊มทำงาน 1 ชม. ดูดน้ำได้ 420 * 60 = 25200 ลิตร
ถ้าสระ 30000 ลิตร ดูดน้ำได้ 30000/25200 =1 ชม 20 นาที
แสดงว่าถ้าไม่มีปัจจัยอื่นที่ทำให้การไหลของน้ำช้าลงต้องใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที แต่ในความเป็นจริงการไหลของน้ำหรือการดูดน้ำของปั๊มจะช้าลงเพราะมีสิ่งกีดขวางอยู่หน้าปั๊ม เช่น ถังกรอง วาล์วชนิดต่างๆ ขนาดของท่อ ความยาวของท่อ
ดั้งนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดในการตั้ง timer เพื่อให้น้ำหมุนเวียนได้ครบรอบในหนึ่งหน่วยเวลาในการดูดน้ำของปั๊มที่จ่ายเข้าไปในสระให้เราจับเวลาในขณะที่ระบบทำงานปกติเมื่อปั๊มน้ำดูดน้ำจาก Surge tank จ่ายไปยังสระน้ำ วัดระดับน้ำจากจุดเริมต้น คือ เมื่อเราเปิดปั๊มสระว่ายน้ำให้เราวัดระดับความแตกต่างของน้ำในสระน้ำ เช่นเมื่อเราเปิดปั๊มสระว่ายน้ำ ระดับน้ำอยู่ต่ำกว่าระดับขอบสระ 20 เซนติเมตร เมื่อเวลาผ่านไป 10 นาที วัดระดับน้ำอยู่ต่ำกว่าขอบสระ 10 เซนติเมตร แสดงว่าผลต่างของน้ำในสระที่เพิ่มขึ้น 10 เซนติเมตร (ถ้านึกภาพไม่ออกกลับไปนอนตะแคงซะแล้วมาอ่านใหม่)
ตัวอย่างเช่น
สระสี่เหลียมกว้าง 10 เมตร ยาว 5 เมตร ลึก 1.5 เมตร เมื่อเปิดปั๊มสระว่ายน้ำ 10 นาที วัดผลต่างของระดับน้ำในสระน้ำที่เพิ่มขึ้น 7 เซนติเมตร จงหาว่า 1 ชั่วโมง ปั๊มจะดูดน้ำจ่ายเข้าไปในสระน้ำได้กี่ลูกบาศก์เมตร จะต้องใช้เวลากี่ ชั่วโมง ปั๊มจะหมุนเวียนได้ครบ 1 รอบ
วิธีการคำนวณ
10 นาที ปั๊มดูดน้ำจ่ายในสระน้ำได้ 7 cm จะได้ 10 x 5 x 0.07 = 3.5 ลูกบาศก์เมตร
1 ชั่วโมงปั๊มดูดน้ำจ่ายในสระน้ำได้ 60 x 3.5/10 =21 ลูกบาศก์เมตร
ปริมาตรของน้ำในสระน้ำ = 10 x 5 x 1.5 = 75 ลูกบาศ์กเมตร
ปริมาตรน้ำ 21 m3ปั๊มตัวนี้ใช้เวลาดูดน้ำได้ 1 ชั่วโมง
ถ้าปริมาตรน้ำ 75 m3ปั๊มตัวนี้ใช้เวลาดูดน้ำจะได้ 75 x 1/ 21 = 3 ชั่วโมง 57 นาทีหรือประมาณ 4 ชั่วโมง
ดังนั้น ในการ ตั้งเวลา การทำงานของปั๊มตัวนี้ในแต่ละรอบ ประมาณ 4 ชั่วโมงในแต่ละรอบ ซึ่งน้ำจะหมุนเวียนได้ครบ 1 รอบ เราเรียกว่า (Turn over)ทั้งนี้เพื่อให้น้ำในสระว่ายน้ำ ได้รับ ค่า free chlorine อย่างถัวถึงกันหรือสารเคมีที่เราเติมลงไป
Surge tank (บ่อพักน้ำ)
คือ ส่วนที่เป็นที่กักเก็บน้ำส่วนเกินที่ใช้กับระบบสระว่ายน้ำ ที่ต้องการให้น้ำเอ๋อล้น จากสระว่ายน้ำเข้าในร่างระบายน้ำ(Gutter) แล้วหมุนเวียนเข้าไปใน Surge tank อีกครั้งหนึ่ง สระว่ายน้ำส่วนใหญ่จะมี surge tank ทั้งนี้เพื่อง่ายต่อการดูแลสระว่ายน้ำสระว่ายน้ำดูเป็นธรรมชาติ
ใน Surge tank จะประกอบด้วย
1.ท่อน้ำส่วนเกิน(ท่อ over flow)ใช้เพื่อป้องกันน้ำส่วนเกินที่เก็บไว้ใน surge tank เช่น กรณีฝนตก กรณีเติมน้ำในสระว่ายน้ำมากเกินไป น้ำที่เกินความจำเป็นเหล่านี้จะไหลออกทางท่อนี้ไหลทิ้งลงในคูระบายน้ำ ไม่สมควรที่จะต่อท่อ over flow เข้ากับท่อ back wash ของถังกรองในระบบสระว่ายน้ำ การทำ surge tank ของสระว่ายน้ำ ควรจะให้มีน้ำรองรับใน surge tank ประมาณ 7% ของปริมาตรสระว่ายน้ำ ดังนั้นการทำระดับของท่อ over flow ใน surge tank ควรจะคำนวณปริมาตรของน้ำที่รองรับด้วย
2.ท่อของ Foot valve
เป็นท่อน้ำที่ต่อจาก surge tank ไปยังห้องปั๊ม การทำท่อ foot valve ควรจะอยู่ในต่ำแหน่งที่เหมาะสม ขนาดของท่อต้องสมดุลกับขนาดของสระว่ายน้ำ
3.ท่อจากร่างระบายน้ำ(Gutter) ไปยังsurge tank
ท่อที่ใช้ควรจะใช้ท่อที่มีขนาดใหญ่ควรจะใหญ่กว่าท่อ Foot valve3-4 เท่า หรือมีหลายท่อถ้ารางระบายน้ำกับsurge tank อยู่ห่างกันมาก และมีควรลาดชันพอสมควรทังนี้เพื่อป้องกัน การไหลลง surge tank ได้ ทัน ไม่ควรจะมีข้อต่อหรือข้อมาก เพื่อป้องกันขยะและการเกิด air lock
4.ท่อเติมน้ำ (water supply)
ควรจะทำท่อเติมน้ำพร้อมๆกับการทำ Surge tank ไม่ควรจะทำ surge tank ก่อน แล้วมาทำเติมน้ำที่หลังทำให้ยุ่งยากในการเดินท่อและเสียค่าใช้จ่ายเยอะกว่า ในการติดตั้งวาล์วและท่อน้ำที่เหมาะสมและควรจะได้ระดับ ในต่ำแหน่งที่ง่ายต่อการเปิดปิดและตรวจเช็ค สระว่ายที่มี surgetankส่วนใหญ่จะมีลูกลอยเติมน้ำหรือระบบ solenoid valve ส่วนใหญ่ที่เจอปัญหาคือการติดตั้งลูกลอยเติมน้ำที่ไม่ได้ระดับที่เหมาะสมและผิดตำแหน่งซึ่งมีผลลูกลอยเสียง่าย และเปลืองน้ำ
ก่อนการติดตั้งลูกลอยเติมน้ำควรพิจารณาความเหมาะต่อไปนี้
1.ระดับของท่อน้ำทิ้ง(ท่อ Over flow) ในsurge tank
2.ปริมาตรของน้ำที่น้ำใน surge tank เพียงพอที่จ่ายเข้าไปในสระแล้ว เอ่อล้นกลับเข้าใน surge tank
3.ระดับของ foot valve ที่อยู่ใน surge tank
4.บอลวาล์วไว้ปรับแรงดันของน้ำเข้าลูกลอย
5.ฝาเปิดปิด Surge tank
ฝาเปิดปิดของ Surge tank ควรจะเป็นฝาที่สามารถเปิดปิดได้ง่าย ทนแดด ทนฝน ไม่ขึ้นสนิมได้ง่าย ส่วนใหญ่จะใช้อะลูมิเนียมหรือ ไฟเบอร์กลาส ทั้งนี้เราสามารถ ทำ surge tank ด้วยปูนหรือถังสำเร็จรูปทั้งนี้ให้ดูความเหมาะสมและสามารถทำการซ่อมได้เมื่อ surge tank มีปัญหา
ตู้ควบคุมระบบการทำงานของปั๊ม(Control box)
เป็นตู้ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของปั๊มป้องกันปั๊มสระว่ายน้ำไม่ให้เสียหายมากจากไฟฟ้าตกและในตู้ควบคุมจะมีอุปกรณ์ต่างๆที่ทำงานดังนี้
1.Magnetic Overload
ใช้ในการป้องกันปั๊มสระว่ายน้ำเมื่อแรงดันไฟฟ้าตกแรงดันไฟฟ้าไม่เพียงพอไฟฟ้าเกิดการกระชาก ซึ่งตัว Magnetic Overload จะช่วยป้องกันไม่ให้ Motor ของปั๊ม เกิดการ over heat ซึ่งจะทำให้ Motor ของปั๊มไหม้ได้
2.Breaker
เป็นตัวตัดวงจรไฟฟ้าเมื่อกระแสไฟฟ้าเกินกำหนดที่ได้ระบุไว้บนตัว Breakerหรือใช้ตัดระบบไฟฟ้าเมื่อเราต้องการซ่อมระบบไฟฟ้าหรือใช้เมื่อเราต้องการปิดระบบไฟฟ้าของสระว่ายน้ำ
3.Selector switch
เป็นสวิทส์ไฟฟ้าที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของปั๊มของสระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำส่วนใหญ่จะใช้สวิทส์ไฟฟ้าแบบนี้เพราะสามารถเลือกให้ทำงานเป็น Auto หรือ Manual ได้
4. Fuse
เป็นอุปกรณ์ที่ตัดกระแสไฟฟ้าเมื่อระบบไฟฟ้าเกิดไฟฟ้าลัดวงจรหรือกระแสไฟฟ้าเกินกำหนดของฟิวส์ที่ได้ระบุไว้ที่ตัวฟิวส์
5.Transformer (หม้อแปรงไฟฟ้า)
เป็นหม้อแปรงไฟฟ้าที่ใช้กับหลอดไฟในสระว่ายน้ำโดยส่วนใหญ่เขาจะนิยมใช้หม้อแปรงไฟฟ้าที่ให้แรงดันไฟฟ้าจาก 220 Volt เป็น 12 volt หรือ อาจใช้หม้อแปรงไฟฟ้าที่ให้แรงดันไฟฟ้า 24 volt ก็ได้
6.Timer
เป็นอุปกรณ์ที่ควบคุมการทำงานของปั๊มสระว่ายน้ำให้เป็นเวลาตามที่เราต้องการ
Turn over
ช่วงเวลาที่เรากำหนดให้ปั๊มสระว่ายน้ำทำงานให้น้ำในสระว่ายน้ำหมุนเวียนได้ทั่วถึ่งภายใน 1 รอบ ของการเปิดปั๊มสระว่ายน้ำ โดยให้เราเช็คค่า Free chlorine ในน้ำ ประสิทธิภาพการกรองของถังกรอง โดยทัวไปสระว่ายน้ำขนาด 50 ลูกบากศ์เมตร ถึง 100 ลูกบากศ์เมตร เราจะเปิดปั๊มให้ทำงาน 2 รอบ รอบละ 3 หรือ 4 ชั่วโมง ให้ปั๊มทำงาน 7 หรือ 8 ชั่วโมง ต่อวัน ส่วนสระว่ายน้ำที่มีขนาดเล็กกว่า 50 ลูกบากศ์เมตร ควรจะให้ปั๊มสระว่ายน้ำทำงานประมาณ 4 ถึง 6 ชั่วโมง
ความสมดุลของน้ำในสระว่ายน้ำ
โดยปกติตามมาตรฐานของสระว่ายน้ำทั่วไปค่าต่างๆที่เราควรจะทดสอบ(Test) และให้ความสนดุลในสระว่ายน้ำมีค่าดังนี้
ชุด ทดสอบ ความสมดุล ของสระน้ำ
1.ค่าของคลอรีนอิสระ(Free Available Chlorine)(FAC)
ซึ่งโดยทั่วไปตามมาตรฐานของสระว่ายน้ำในเขตร้อนควรจะมีค่าของคลอรีน อิสระ อยู่ในช่วง 1 ถึง 3 ppm ตัวที่จะให้มีค่าของคลอรีนอิสระในสระว่ายน้ำ มี สารประกอบชนิดต่างๆ
คลอรีน
เป็นสารเคมีประเภท ออกซิไดชิง เอเจน(Oxidizing agent)ซึ่งเป็นสารเคมีที่จัดอยู่ในสารที่ใช้ในการเชื้อชนิดต่างๆที่อยู่ในน้ำ ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรีย(Bacteria)ชนิดต่างๆหรือตะไคร่น้ำ(Algae)คุณสมบัติของสารเหล่านี้คือจับตัวกับสารชนิดอื่นๆได้ดี สารเคมีที่ใช้ในการแทนสารคลอรีนในการฆ่าโรคได้มีสารประเภท Bromine ‘Iodine ‘ Potassium permanganate(KMnO4) ซึ่งสารเหล่านี้เป็นสารออกซิไดซ์ เป็นสารเคมีของธาตุหมู่ 7 ในตารางธาตุ(ถ้าไม่เข้าใจไปนอนก่อนแล้วกลับอ่านใหม่) คลอรีนจะทำงานได้ดีเมื่ออยู่ในสระน้ำเมื่อค่าของ pHในน้ำนั้นมีค่า pH อยู่ในช่วงที่เหมาะสม คลอรีนที่ใช้ในสระน้ำมีหลายชนิดด้วยกันเช่น แคลเซียมไฮโปคลอไรท์ (Ca(OCl)2 , โซเดียมไฮโปคลอไรท์ (NaOCl) , ลิเทียมไฮโปคลอไรท์Li(OCl) ซึ่งคลอรีนแต่ละชนิดจะมีความเข้มข้นที่แตกต่างกันควรจะคำนวณก่อนเติมลงในสระน้ำเพื่อให้ได้ค่าคลอรีนที่เหมาะสม
คลอรีนที่อยู่ในน้ำแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
1. Total Available Chlorine(TAC) คือ ผลรวมของคลอรีนทั้งหมดที่อยู่ในน้ำไม่ว่าจะอยู่ในรูปใดก็ตาม
2.Combined Available Chlorine(CAC) คือ ครอรีนที่จับกับไอออน พวก เช่น แอมโมเนียมไอออน(NH4+) เฟอรัส ไอออน(Ferrous ion) เมนกานิสไอออน(Manganese ion) ซึ่งเมื่อคลอรีนรวมตัวกับสารเหล่านี้ทำให้คลอรีนมีประสิทธิภาพในการฆ่าตะไคร่น้ำและเชื่อโรคลดลงและน้ำจะเปลี่ยนสีและมีกลิ่น ถ้าแหล่งที่มาของน้ำที่เติมลงไปในสระมีแร่ธาตุสูง เช่น สนิมเหล็กสูง หรือ ค่า แอมโมเนียมสูง เราควรจะกำจัดไอออนต่างๆเหล่านี้เสียก่อน เช่น อาจใช้เรซิน หรือสารกรองชนิดพิเศษพวก Ziolite ที่สามารถดึ่งไออนเหล่านี้ได้ หรืออาจใช้พวกน้ำยาเคมี เช่น สเตนทรีน(stain trine), โซเดียมไทโอซัลเฟต(Sodium Tiosulfate) แต่วิธีการแก้ไข้โดยทั่วไป ให้ใช้คลอรีนมากเกินพอ หรืออาจเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การ short น้ำ ด้วยคลอรีน ทั้งนี้เพื่อให้คลอรีนทำปฏิกิริยาอย่างสมบูรณ์ กับไอออนต่างเหล่านี้ ซึ่งเราจะกล่าวในหน้าต่อไปในการคำนวณ
3.Free Available Chlorine (FAC) คือคลอรีนที่เหลือหลังจากที่ คลอรีนรวมตัวกับไอออนตัวอื่นๆหมดแล้ว เราจึงเรียกว่า คลอรีนอิสระ คลอรีนอิสระจะทำหน้าที่ในการดักจับเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมลงไปในสระน้ำ ไม่ว่าจะเป็น ตะไคร่น้ำ แคททีเรีย เชื้อโรคต่างๆ ไอออนต่างๆ ที่มากับน้ำที่เติมลงไปใหม่ เวลาเราหาค่าคลอรีนที่อยู่ในน้ำเราจะหาค่าของคลอรีนอิสระที่อยู่ในสระน้ำ
การหาค่าคลอรีนอิสระเราสามารถทราบค่าได้ถ้าเราทราบค่าของ คลอรีนทั้งหมดที่อยู่ในน้ำ(TAC) และค่าของคลอรีนหลังจากได้รวมกับไอออนตัวอื่นหมดแล้ว(CAC)ซึ่งจะได้ค่าดังนี้
TAC = CAC + FAC
ในการที่เราต้องการกำจัดค่าของ Combined Available Chlorine (CAC) ควรจะใช้ 10 เท่า ของค่า Free Available Chlorine (FAC) หรือ 30 ppm free chlorine ถ้าเป็นน้ำดิบที่เติมใหม่
ตัวอย่างเช่น
น้ำดิบเติมลงไปในสระน้ำ 50 m3 ต้องใช้คลอรีน กี่ กิโลกรัม เพื่อให้ได้ค่าของ คลอรีนอิสระ 5 ppm ถ้าใช้คลอรีนผง 90% เป็น calcium hypochlorite (Ca(OCl)2
วิธีทำ
เราต้องการให้สระน้ำมีความเข้มข้น 5 ppm หมายความว่า ในน้ำสระ 1 ลิตร เราต้องการให้มีคลอรีนอิสระ 5 มิลิกรัม
Ca(OCl)2 1 โมล แตกตัวให้ OCl- 2 โมล ถ้า Ca(OCl)2 143 กรัม จะให้ OCl- 103 กรัม
เราต้องการให้มี Free residual chlorine หมายถึง ให้มีค่า พวกนี้ในน้ำ Cl2 , HOCl , OCl- แต่เมื่อเราเติม แคลเซียมไฮโปคลอไรท์(Ca(OCl)2 แสดงว่า ค่าของ free chlorine จะได้จาก ค่า ของ OCl- 2 โมล
เราต้องการให้มีค่า ของ OCl- 5 มิลิกรัม ต่อ น้ำ 1 ลิตร แสดงว่าถ้าน้ำ 50000 ลิตร ต้องมี OCl- อยู่
50000 X 5 / 1000 = 250 กรัม แสดงว่าต้องใช้ แคลเซียมไฮโปคลอไรท์
จะได้ 250 X 143 / 103 = 347 กรัม
แต่ที่เราใช้ คลอรีน 90 % แสดงว่า ใน 100 กรัม มี สิ่ง เจื่อปน อื่นๆ อีก 10 % แสดงว่าต้องใช้คลอรีน
จะได้ 347 x 100 / 90 = 385 กรัม
เราต้องใช้คลอรีนผง 90 % ประมาณ 385 กรัม ในกรณีที่น้ำนั้นเป็นน้ำบริสุทธิ์ แต่ในความเป็นจริงน้ำดิบที่เราเติมลงไปในสระมันไม่เหมื่อนที่เราฝันไว้ เพราะน้ำดิบจะมีสิ่งเจื่อปนจะมากหรื่อน้อยขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของน้ำ โดยทั่วไปเราต้องเพิ่มอีก 5 เท่า ของที่เราคำนวณไว้ ดังนั้น ควร จะเติมคลอรีนผง 90 % 385 x 5 จะได้ 1925 กรัม หรือ ประมาณ 2 กิโลกรัม
ซึ่งจะได้สูตร สำหรับแคลเซียมไฮโปคลอไรท์
ปริมาตรของน้ำในสระ * ค่า free chlorineที่เราต้องการ * อัตราส่วนของคลอรีนที่แตกตัวให้ Cl2 , OCl- , HOCl * เปอร์เซ็นของคลอรีน
ตัวอย่างที่ 2
ปริมาตรน้ำในสระรวมกับ surge tank (สระไม่รั่ว) คำนวณได้ 80 m3 ต้องการให้ได้ค่า free chlorine 4 ppm ขณะนั้นวัดค่า free chlorine ได้ 2 ppm ต้องเติม คลอรีนอีกเท่าไร ถ้าใช้คลอรีนผง 70 % เป็นแคลเซียมไฮโปคลอไรท์
วิธีคำนวณ
จากสูตรแทนค่า 80 x 2 x 1.38 x 100 / 70
จะได้ 315 กรัม
แสดงว่าเราต้องใช้คลอรีนผง 70% เป็น แคลเซียมไฮโปคลอไรท์ ประมาณ 315 กรัม
ตัวอย่างที่ 3
สระน้ำ กว้าง 8 เมตร ยาม 10 เมตร ลึกเฉลีย 1.3 เมตร ถ้าใช้ คลอรีน น้ำ 10% ต้องใช้จำนวณกี่ถังเพื่อให้ได้ค่า คลอรีน 30 ppm คลอรีนน้ำเป็น Na(OCl) 10 %
วิธีคำนวณ
ปริมาตรของสระน้ำ 8 x 10 x 1.3 x 7 % = 112 m3
7 % คื่อ ปริมาตรของน้ำใน surge tank
จากสูตรจะได้ใหม่ว่า
112 x 30 x 74.5/51.5 x 100/10 = 48605 ml(1000ml = 1 ลิตร
จะได้ ปรมาณ 48.6 ลิตร หรือประมาณ 2 ถัง(1 ถัง คลอรีนน้ำ ประมาณ 25 ลิตร)
ในกระบวนการเติมคลอรีนในสระน้ำเราจะต้องทราบความเข้มข้นของคลอรีนที่เราใช้ เราต้องทราบปริมาตรน้ำของสระ ควรเติมคลอรีน ลงในร่าง Gutter หรือ surge tank ถ้ามีที่เติมคลอรีนควรจะใส่ที่เติมคลอรีน ถ้าเป็นคลอรีนน้ำเราสามารถเติมลงไปในสระได้เลย ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะใส่คลอรีนก้อนลงหน้าปั๊มสระว่ายน้ำ เพราะจะทำให้อุปกรณ์เสียหายได้
การทดสอบค่า free chlorine ในสระว่ายน้ำ เราจะใช้ ชุด test kid โดยการเปรียบเทียบสี เราจะใช้น้ำยา OTO (orhtotolidine)หรือDPD(diethyl-p-phenylene di-amine)ที่เป็นเม็ด โดยเราจะ Test หลังจากที่เราเติม คลอรีน 24 ชั่วโมง คลอรีนที่นิยมใช้ในสระว่ายน้ำมี แคลเซียมไฮโปคลอไรท์(Ca(OCl)2 , โซเดียมไฮโปคลอไรท์(Na(OCl) ลิเทียมไฮโปคลอไรท์(Li(OCl)
สารที่ใช้ในการลดค่าของ free chlorine ในสระว่ายน้ำสวนใหญ่จะใช้ โซเดียมไทโอซัลเฟต(Na2S2O3)
ประโยชน์ของการเติมคลอรีนในน้ำ
1.เพื่อฆ่าเชื้อโรคในน้ำ เป็นการป้องกันการแพร่กระจ่ายของเชื้อโรคที่น้ำเป็นสื่อ เช่น ไทฟอยด์ อหิวา
2.ออกซิไดซ์พวกเหล็ก แมงกานีส ไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งเป็นตัวทำให้เกิดสีและกลิ่นของน้ำ
3.ทำลายสารอินทรีย์ซึ่งทำให้เกิดรสและกลิ่นในน้ำ
4.ควบคุมและฆ่าสาหร่ายและตะไคร่น้ำและเกือบทุกอย่างพืชพวก คลอโรฟิวไม่ให้เจริญเติบโต
5.เป็นตัวช่วยในการตกตะกอนให้ดีขึ้น
6.เป็นการลดค่า บีโอดี ของน้ำ
ปัญหาที่พบในการเติมคลอรีน
1.สารห้อยแขวน ซึ่งจะหุ้มแบคทีเรียไว้ไม่ให้ถูกทำลายโดยคลอรีน
2.แอมโมเนียในน้ำทำปฏิกิริยากับคลอรีนเกิดเป็นคลอรามีน ซึ่งมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรคต่ำ
3.ไนไตรท์ในน้ำจะทำลายคลอรีนที่เติมลงไป นอกจากนี้ยังให้เกิดการเปลี่ยนสี
4.เหล็ก และ แมงกานีสในความเข้มข้นที่สูง เมื่อทำปฏิกิริยากับคลอรีน ทำให้เกิด false color และต้องใช้คลอรีนในปริมาณมากเพื่อฆ่าเชื้อโรค
(หัว electrode ที่ วัด ค่า pH และ คลอรีน อัตโนมัติ)
pH พีเอช ของสระว่ายน้ำ
ค่า pH ของสระว่ายน้ำที่ดี ควรจะอยู่ที่ ค่า pH ที่ 7.2 ถึง ค่า pH ที่ 7.8 คำว่าpH ย่อมาจาก (positive potential of the hydrogen ions) การบงบอกถึงจำนวนของ Hydrogen ions ที่มีอยู่ในน้ำ ถ้าในน้ำมีค่าhydrogen ions สูง (H+, H3O+)แสดงว่า มีค่า pH ต่ำ ในทางตรงกันข้าม ถ้าในน้ำมีค่า Hydrogen ionsต่ำหรือมีค่า hydroxide ions(OH-) สูง แสดงว่ามีค่า pH สูง เพื่อง่ายขึ้น โดยปกติ เราจะแบ่ง ออกเป็น 14 หน่วยคือ pH 1 ถึง pH 14 pH ที่ทำให้น้ำมีสถานะเป็นกรด pH จะอยู่ในช่วง pH1ถึง pH6 ส่วน pH ที่อยู่ในช่วง pH 8ถึงpH 14 จะมีคุณสมบัติเป็นเบสหรือเป็นด่าง ส่วนpH ที่อยู่ในช่วงpH 7 น้ำมีค่าเป็นกลาง
ปัญหาสำหรับค่า pH ของสระน้ำถ้า ค่า pH ในน้ำต่ำ
1.คลอรีนจะระเหยหายเร็ว จะเกิด คลอรามีนในน้ำได้ง่าย
2.จะเกิดการกัดกร่อนได้ง่าย จะแสบตา ร่องยาแนวจะหลุดง่าย
ปัญหาสำหรับค่า pH ของน้ำในสระน้ำเมื่อมีค่าสูง
1.จะเกิดคราบรอบๆสระน้ำได้ง่าย น้ำจะขุ่นหม่องได้ง่าย
2.จะเกิดการอุดตันของถังกรองได้เร็ว
3.ประสิทธิภาพในการทำงานของคลอรีนอิสระได้ไม่ดี
สารเคมีที่ใช้ในการปรับค่าpH ของน้ำในสระว่ายน้ำ มีอยู่ 2 กรณี ในกรณีที่ต้องการให้น้ำมีค่า pH ต่ำ จะใช้สารเคมีจำพวก กรดชนิดต่างๆ แต่นิยมใช้ในสระว่ายน้ำ มีกรดไฮโดรคลอริHydrochloric acid(HCL) (กรดเกลือ,
โซเดียมไบซัลเฟตSodium bisulfate(NaHSO4) (ดีเกลือ)
สารเคมีที่ใช้ในการปรับให้ค่าpH ของสระว่ายน้ำให้สูงขึ้น มีสารเคมีจำพวกด่างชนิดต่างๆ แต่ที่นิยมใช้ในสระว่ายน้ำมีผงฟูbakingSoda( Sodium bicarbonate)(NaHCO3) , ปูนขาว (Soda ash)(Sodium Carbonate)(Na2CO3) ,โซดาไฟ( Sodium Hydroxide)(NaOH)
การตรวจหาค่า pH ของสระว่ายน้ำมีวิธีการทดสอบหลายวิธีด้วยกัน แต่ที่นิยมใช้ในปัจุบัน จะเรียกว่า การทดสอบแบบใช้ชุด เทสคิต(test Kid) เป็นการเปรียดเทียบสีโดยใช้ phenol red เป็น อินดิเคเตอร์ 000
Total Alkalinity
คือผลรวมความเป็นด่างทั้งหมดที่มีอยู่ในน้ำไม่ว่าจะเป้นพวกคาร์บอเนต(CO23-) ไบคาร์บอเนต(HCO-3) ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลต่อการเปลียนแปลงของpH ที่มีอยู่ในน้ำทั้งสิน คือจะท้ำ pH ของน้ำสูงขึ้น ซึ่งจะตรงกันข้ามกับพวกกรด จะทำให้ pH ของน้ำลดลง ในสระว่ายน้ำค่า ของtotal alkalinity ที่ดีควรจะอยู่ในช่วง ระหว่าง 80 ถึง 130 ppm
ปัญหา Total alkalinity ที่มีผลกับน้ำในสระว่ายน้ำ
ถ้า Total alkalinity มีค่าต่ำเป็นระยะเวลานาน
1.จะทำให้มีค่า pH ต่ำด้วย ทำให้คลอรีนหายเร็ว
2.เพิ่มการกัดกร่อนในสระว่ายน้ำ
3.ทำให้เกิดคราบได้ง่าย
4.น้ำจะเขียวได้ง่าย
ถ้า Total alkalinity มีค่าสูงเป็นระยะเวลานาน
1.ยากในการปรับ pH
2.น้ำขุ่นได้ง่าย
3.ทำให้ ค่าของ pH สูงไปด้วย ประสิทธิภาพของคลอรีนลดต่ำไปด้วย
สารเคมีที่ใช้ในการปรับค่า Total alkalinity ในกรณีที่ต้องการให้ค่า Total alkalinityมีค่าสูงขึ้นเราจะใช้ผงฟู (Bakingsoda,SodiumBicarbonate(NaHCO3)หรืออาจใช้โซดาเอชก็ได้(Sodium Carbonate)(Na2CO3)
การทดสอบ ค่า Total alkalinity
การทดสอบมีหลายวิธีด้วยกันอยู่ที่เราต้องการซึ่งผลการทดสอบจะออกมามีค่าที่ใกล้เคียงกันแล้วแต่ความสะดวกของผู้ทดสอบแต่การทดสอบค่า Total alkalinityที่นิยมใช้กบกับสระว่ายน้ำ จะใช้ชุด test kid
ตัวอย่าง
น้ำ 50 m3 วัดค่า T/A ได้ 30 ppm ต้องการให้สระว่ายน้ำมีค่า T/A เป็น 120 ppm ต้องใช้โซเดียมไบคาร์บอเนตกี่ กิโลกรัม (ถ้าNaHCO3 มีความบริสุทธิ์ 99 % มีมวลโมเลกุล 84)
วิธีการ
จากโจทย์ ค่าT/Aที่เราต้องการ 120 ppm
ค่า T/A ที่วัดได้ 30 ppm ผลต่างจะได้ = 120-30 = 90 ppm
น้ำ 1 ลิตร ให้มี HCO3- อยู่ 90 mg
น้ำ 1000ลิตร ต้องมี HCO3- อยู่ = 90 x 1000 = 90000 mg หรือ 90 กรัม
น้ำ 50 m3 ต้องมี HCO3- อยู่ =50 x90 = 4500 กรัม หรือ 4.5 กิโลกรัม
NaHCO3→ Na+ + HCO3-
84 กรัม 23กรัม 61 กรัม
HCO3- 61 กรัม ได้จาก NaHCO3 84 กรัม
ถ้า HCO3- 4500 กรัม ได้จาก NaHCO3 = 4500 x84 / 61
จะต้องใช้ โซเดียมคาร์บอเนต = 6.19 กิโลกรัม
จากการคำนวนจะต้องใช้โซเดียมไบคาร์บอเนตประมาณ 6.2 กิโลกรัม เพื่อปรับค่า T/A จาก 30 ppm เป็น 120 ppm
Calcium Hardness
คือการวัดค่าความกระด้างของน้ำในรูปของ Ca2+ไอออนโดยทั่วไปน้ำจากหลายๆที่จะมีความกระด้างของน้ำอยู่ความกระด้างของน้ำจะมีค่าสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับค่าความเข้มข้นของ Ca2+ , mg2+ , Na+ เมื่อรวมตัวกับ พวก CO32-ไอออน จะเป็นพวก หินปูน หรือ ตะกรัน (CaCO3 ) MgCO3 Na2CO3 สารพวกนี้จะเป็นการบ่งบอกถึงความกระด้างของน้ำ และจะเป็นดีขึ้นเมื่อมีอุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น
( แคลเซียม คลอไรด์ ที่ใช้สำหรับปรับ ความกระด้างของน้ำ)
บริเวณที่น้ำจะมีความกระด้างสูงบริเวณที่มีหินปูนสูงเพราะเนื่องจากน้ำฝนมีคาร์บอนไดออกไซด์ หรือในดินมีคาร์บอนไดออกไซด์เกิดจากปฏิกิริยาบางชนิด เมื่อคาร์บอนไดออกไซด์รวมกับน้ำจะเกิดเป็นกรด คาร์บอนิค ซึงภายใต้สภาวะที่มี pH ต่ำ สารพวกนี้เป็นเบส โดยเฉพาะ หินปูน เช่น CaCO3 และ MgCO3 จะถูกละลายได้ดังสมการ
CaCO3 + H2CO3 → Ca(HCO3)2
MgCO3 + H2CO3 → Mg(HCO3)2
ความกระด้างที่จะกล่าวในสระว่ายน้ำเราจะวัดค่าเฉพาะความกระด้างที่จะเกิดจาก Ca2+ ไอออน เท่านั้น ซึ่งความกระด้างในสระว่ายน้ำที่ดีและเหมาะสมควรจะอยู่ที่ 150 ถึง 300 ppm
ปัญหาเมื่อสระว่ายน้ำมีความกระด้างสูง
-เกิดคราบและตะกรันในสระว่ายน้ำได้ง่าย
-ทำความสะอาดพื้นผิวของสระว่ายน้ำยาก
-ถังกรองอุดตันได้ง่าย
-น้ำขุ่นง่ายปรับสภาพน้ำได้ยาก
-ร่องยาแนวหรือพื้นผิวของสระว่ายน้ำจะเกิดตะกรันได้เร็ว
-ทำให้ cell ของ เครื่องผลิตคลอรีนมีตะกรันขึ้นง่าย
ปัญหาเมื่อสระวายน้ำมีความกระด่างต่ำ
-ร่องยาแนวของสระว่ายน้ำหรือพื้นผิวของสระว่ายน้ำหลุดง่ายเปื่อยเร็ว
-เพิ่มการกัดกร่อนในสระว่ายน้ำได้เร็ว
-เกิดตะไคร้น้ำได้เร็ว
วิธีการกำจัดน้ำสระว่ายน้ำที่มีความกระด้างสูง
-เอาน้ำที่มีความเข้มข้นของความกระด้างต่ำมาเจือจาง
-เติม Soda ash เพื่อให้เกิดตะกอนของแคลเซียมคาร์บอเนตแล้วดูดตะกอนทิ้ง
สารเคมีที่ใช้ในการปรับความกระด้างของสระว่ายน้ำส่วนใหญ่จะใช้ แคลเซียมคลอไรด์(CaCl2)
การทดสอบค่าความกระด่างของน้ำสำหรับสระว่ายน้ำเราจะใช้ชุด Test kid หรืออาจจะใช้วิธี Titration
ขอควรรู้
เมื่อสระว่ายเป็นแบบการใช้คลอรีนเติม ถ้าเราใช้คลอรีนก้อนนาน หรื่อใช้คลอรีนประเภท แคลเซียมไฮเปอร์คลอไรท์(Calcium Hypochlorite) เมื่อเราใช้เป็นเวลานานๆค่าของแคลเซียมจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆมีผลทำให้ค่าของความกระด้างจะสูงขึ้นไปด้วยซึ่งเป็นสาเหตุทำไห้ประสิทธิภาพของ free chlorine ด้อยลงไปด้วย
วิธีการแก้ไข
ให้เราทำการเติม โซดาเอช อย่างสม่ำเสมอโดยทำการเช็ค pH ควบคู่ไปด้วย ถ้าสระที่ไม่มีการใส่โซดาเอชแล้วเป็นเวลานานเมื่อมีการเติมลงไปในสระสระนั้นจะกลายเป็นขุ่นขาวเหมือนน้ำนม ซึ่งสีขุ่นขาวที่เกิดขึ้นเป็นตะกอนของ แคลเซียมคาร์บอเนตCalcium carbonateเติม ครั้งแรกน้ำจะขุ่น เติมไป เรื่อยๆ จน กว่า เมื่อเราเติม Soda ash น้ำในสระจะไม่ขุ่น
ตัวอย่าง
น้ำ 50 m3 วัด ค่า Calcium Hardness ได้ 480 ppm ต้องการให้ได้ค่า Calcium Hardness ได้ 150 ppm ต้องเติม Soda ash อีก กี่ กิโลกรัม
วิธีทำ Soda ash ที่ใช้ 99 % มีสูตรเป็น Na2CO3 แสดงว่า มี มวลโมเลกุล 106
CaO + Na2CO3 → CaCO3 + 2 NaOH
เราต้องการให้ Ca++ ทำ ปฏิกิริยากับ Na2CO3 480 –150 = 330 ppm
CaCO3 ที่เกิดขึ้น เกิดจากการรวมตัว ของ Ca++ แสดงว่าเราต้องใช้ 330 mg/l x (106/56) x 50 = 18739/1000 =18.7 kg
สระว่ายน้ำที่ใช้เครื่องผลิตคลอรีนแบบอัตโนมัติ(Salt Chlorinator)
สระว่ายน้ำส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะมีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้ในการฆ่าเชื้อโรคและตะไคร้น้ำในสระว่ายน้ำหลายชนิดด้วยกัน เช่น เครื่องผลิตโอโซน เครื่องแสงอุนตราไวโอเลต (uv) เครื่องแลกเปลียนอิออน เครื่องผลิตอิออนบางชนิด แต่ในสระว่ายน้ำจะนิยมใช้เครื่องผลิตแก๊สคลอรีนมากที่สุด
เครื่องผลิตแก๊สคลอรีนที่ใช้ในปัจุบันมีหลายแบบหลายยี่ห้อ ราคาถูกราคาแพงขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของเครื่องและลูกเล่นของเครื่องแต่ละชนิด เมื่อเราใช้เครื่องผลิตคลอรีนแบบอัตโนมัติสิ่งที่เราต้องใช้ควบคู่ คือ สารตั้งต้นที่ต้องใช้คือ เกลือ เราต้องใส่เกลือลงในสระว่ายน้ำ เพื่อให้น้ำมีความเข้มข้นของน้ำเกลือ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะเกิดที่ cell โดยการดึง คลอไรด์ไอออน(Cl-) มารวมกันให้เป็นแก๊สคลอรีน
ดังสมการ Ti
2NaCl + 2H2O ----------→ 2NaOH + H2 + Cl2
จะเห็นได้ว่าเมื่อเครื่อง Salt Chlorinator ทำงาน จะผลิตออกมา 3 อย่าง คือ โซเดียมไฮดรอกไซด์ Sodium Hydroxide(NaOH) แก๊สไฮโดรเจน(Hydrogen gas) H2 และแก๊สคลอรีน(Chlorine gas) ดังนั้นสระว่ายน้ำที่มีเครื่องผลิตคลอรีนแบบอัตโนมัต จะทำให้ค่า pH ของน้ำ จะสูง วิธีการแก้ไขให้เราเติม กรด เกลือ (Hydrochloric acid )(HCL) ตามปริมาณที่ได้ทดสอบตามชุด test kid เพื่อลดค่า pH ของน้ำ และเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค แก๊สคลอรีนที่ผลิตออกมาได้จะอยู่ในสระว่ายน้ำได้ไม่นาน เพราะจะเกิดการระเหย เราควรจะเติมตัว stabilizer เพื่อให้คลอรีนอยู่ในน้ำได้น้ำขึ้น โดยทั่วไป เราจะใช้ Cyanuric acid เพื่อให้แก๊สคลอรีน ไปจับกับ Cyanuric acid คลอรีนที่ได้จะอยู่ในรูปของ Trichlorocyanuric acid ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโรค ดังสมการ
นอกจากนี้ Trichlorocyanuric acid ยังสามารถอยู่ในสระว่ายน้ำได้นาน ถ้าเราไม่มี Cyanuric acid เราสามารถเติมคลอรีนก้อนหรือ คลอรีนผงใช้แทนกันเพราะ คลอรีนก้อนหรือ คลอรีนผงมีส่วนผสมของCyanuric acid อยู่ โดยให้เราใช้ 1/3 เท่า ของสระที่ไม่มีเครื่องผลิตคลอรีน ถ้าเราไม่ใส่ตัวstabilizer เราต้องเปิดปั๊มสระนานขึ้น ซึ่งทำให้เปลืองค่าไฟและปั๊มสระว่ายน้ำเสียเร็ว
ความเข้มข้นของน้ำเกลือที่ใช้ในการควบคุมขึ้นอยู่กับเครื่องผลิตคลอรีนของแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นไม่เหมือนกัน เช่น ของยี่ห้อ AIS อยู่ที่ 3000 ถึง 5000 ppm ของ ยี่ห้อ Hurlcon อยู่ที่ 2500 ถึง 3500 ppm ของยี่ห้อ monarch อยุ่ที่ 3500 ถึง 4500 ppm ของ ยี่ห้อ pool pilot อยู่ที่ 2500 ถึง 3500 ppm แต่ละยี่ห้อจะมีบอกไว้ที่ คู่มือ ของเครื่องผลิตคลอรีนแต่ละบริษัท
การคำนวณเกลือที่จะใส่ในสระว่ายน้ำ
ตัวอย่าง
สระน้ำขนาด 50 ลูกบากศ์เมตร ต้องการให้มีค่าเกลือ 3500 ppm(หรือ 3500 มิลิกรัมต่อลิตร(mg/l) ต้องใช้เกลือกี่กระสอบ(ถ้า1 กระสอบหนัก 25 กิโลกรัม)
วิธีทำ
ต้องการให้มีความเข้มข้น 3500 ppm หมายความว่า ต้องการให้มีเกลือ 3.5 กรัม ในน้ำ 1 ลิตร
(1000 มิลิกรัม เท่ากับ 1 กรัม)
น้ำ 50 ลูกบากศ์เมตร แสดงว่าเท่ากับ 50000 ลิตร (1000ลิตร เท่ากับ 1 ลูกบากศืเมตร)
แสดงว่าต้องใช้เกลือทั้งหมด 50000 X 3.5 = 175000 กรัม หรือ 175 กิโลกรัม (1000 กรัม เท่ากับ 1 กิโลกัม) แสดงว่าต้องใช้เกลือ 175 / 25 จะได้ 7 กระสอบ
ซึ่งจะได้สูตรดังนี้
ความเข้มของเกลือที่เราต้องการ(กรัม) x ปริมาตรของน้ำ(m3) / 25 = จำนวนกระสอบของเกลือ
ตัวอย่างเช่น
น้ำสระ 70 m3 ต้องการให้มีความเข้มข้นของเกลือ 4500 ppm ต้องการใช้กี่กระสอบ
วิธีทำ
4.5 x 70 / 25 = 12.6 กระสอบ หรือประมาร 13 กระสอบ
ตัวอย่างเช่น
สระน้ำกว้าง 8 เมตร ยาว 5 เมตร ลึกเฉลี่ย 1.4 เมตร เช็คค่าเกลือ ได้ 2400 ppm ต้องการให้ได้ค่าเกลือ 3500 ppm ต้องเติมเกลืออีกกี่กระสอบ
วิธีทำ
(3.5 – 2.4) x (8 x 5 x 1.4) / 25 = 2.4 กระสอบ หรือให้ใส่ 3 กระสอบ
การติดตั้งเครื่องผลิตคลอรีน
1.ให้ติดตั้งตัว Cell หลังถังกรอง
2. ต้องให้เครื่องทำงาน พร้อมกับการทำงานของปั๊มสระว่ายน้ำ
3.ควรติดตั้งตัวCell ให้สามารถแกะออกมาได้เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาด Cell
4.ควรจะใส่วาล์วบายพาสเพื่อง่ายต่อการซ่อมตัวผลิตคลอรีนเมื่อเครื่องต้องซ่อม
การแกะทำความสะอาดCellเมื่อมีคราบหินปูนเกาะติดที่แผ่นCell
เครื่องผลิตคลอรีนบางรุ่นเมื่อมีการงานนานๆ Cell ไม่สามารถทำความสะอาดเอง จะทำให้แผ่น cell มีคราบหินปูนเกาะที่แผ่นcellซึ่งเราจำเป็นต้องเอาคราบหินปูนออกเพราะจะทำให้เครื่องผลิตคลอรีนมีประสิทธิภาพในการผลิตคลอรีนต่ำและยังทำให้เครื่องเกลือชำรุดเสียหายได้ง่ายขึ้น
(แผ่น Cell ที่ติดคราบหินปูน)
วิธีการแกะแผ่นcell มาทำความสะอาดสำหรับเครื่องผลิตคลอรีนบางรุ่น
1.ให้ปิดสวิทช์ปั๊มสระว่ายน้ำ
2.ให้ปิดวาล์วหน้าตัว Cell และหลังตัว cell
3.ทำการแกะตัว Cell ออกจากกระบอกcell โดยให้แกะขั้วที่ต่อกับตัว cell ออกก่อน ให้หมุนตัวCell ออกจากกระบอก Cell ตามลูกศรที่ทางผู้ผลิตได้กำหนดไว้
4.ให้ใช้กรดไฮโดรคลอริกแอซิด(HCL) ให้ผสมน้ำสะอาดอัตราสวน 1 ต่อ 10 ส่วน(กรด:น้ำ)
5.ให้แช่แผ่น Cell ที่มีคราบหินปูนลงในน้ำกรดเจื่อจาง
6.จะสังเกตุมีฟองแก๊สเกิดขึ้นที่แผ่นCell ซึ่งเป็นแก๊สไฮโดรเจน
7.คราบหินปูนที่แผ่นCell จะค่อยๆหลุดออกจนเห็นแผ่นCell ที่สะอาด
8.เอาตัว Cell แช่ในน้ำสะอาดเพื่อกำจัดน้ำกรดเจื่อจางที่อาจไปกัด O-ring ของตัว Cellได้
9.นำตัวCellไปประกอบกับกระบอก Cell เหมื่อนเดิม
10.ต่อขั้วเข้ากับตัว Cell ต้องต่อขั้วให้แน่นไม่หลวม ถ้าไม่แน่นที่ขั้วของ Cell จะร้อน และกระบอก Cell จะเสียหายได้ ให้ทำการทดสอบ เมื่อเปิดเครื่องผลิตคลอรีนให้จับที่ขั้วของCellร้อนหรือไม่ ภายใน 2ถึง 3 นาที
พวกโลหะต่างๆ ในสระว่ายน้ำที่มีผลต่อสระว่ายน้ำ
พวกโลหะต่างๆในสระว่ายน้ำถ้ามีพวกโลหะในสระว่ายน้ำที่สูงเกินไปจะมีอันตรายต่อร่างกายแต่ถ้ามีในปริมาณที่เหมาะสมจะสามารถฆ่าพวกเชื้อโรคบางตัวในสระว่ายน้ำได้และกำจัดพวกตะไคร้น้ำได้ถ้าในสระว่ายน้ำมีพวกโลหะต่างๆที่สูงเกินไปเมื่อทำปฏิกิริยากับคลอรีน จะทำให้น้ำเปลี่ยนสีได้ง่าย
1.สระว่ายน้ำที่มีพวก Iron Fe2+ Fe3+ สนิมเหล็ก
เมื่อในสระว่ายน้ำมีพวกโลหะสนิมในปริมาณที่สูงสังเกตได้ง่ายน้ำจะมีกลิ่นสนิมออกมา เมื่อเราเติมคลอรีนน้ำในสระจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือเขียวใส
วิธีการแก้ไข
วิธีที่1 ให้เราทำการเติม staintrine ก่อน เปิดปั๊มสระว่ายน้ำให้น้ำมีการหมุนเวียน 4 ถึง 5 ชั่วโมง จากนั้นให้เติม คลอรีน ปรับค่า ให้ได้3 ถึ่ง 6 ppm(ในกรณีทีมีสนิมไม่สูงมาก)
วิธีที่2 ให้เราทำการช็อกด้วยคลอรีน 30 ppm เมื่อเราเติมคลอรีนน้ำจะกลายเป็นสีเหลื่องหรือสีน้ำตาลเข้มและตกตะกอนเป็นสีดำ ให้ทำการเปิดปั๊มสระว่ายน้ำให้นานขึ้น ประมาณ 2 ถึง 3 วัน น้ำจะใส แล้วค่อยปรับลดค่า คลอรีนในน้ำ ให้เราทำการเติมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ที่ละน้อย ให้ได้ค่า คลอรีน 2 ถึง 3 ppm หรือจะใช้เป็น โซเดียมไธโอซัลเฟตก็ได้
วิธีที่3 ให้เราปรับค่า pH ก่อนโดยการเติมปูนขาวไปก่อนให้ได้ค่า pH 7.2 ถึง 7.8 จากนั้นให้เติมคลอรีนให้ได้ค่า 3 ถึง 5 ppm
ในกรณีที่เติมคลอรีนแล้วน้ำกลายเป็นสีเหลือง ถ้าเราต้องการให้น้ำในสระว่ายน้ำใสเร็วให้เราทำการเติมไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์เลย 1 ลิตร ต่อน้ำ 50 m3
ทองแดง cupper (Cu2+)
ทองแดง ที่เกิดขึ้นในสระว่ายน้ำส่วนใหญ่เกิดจากการเติม คอปเปอร์ซัลเฟต ลงไปในสระน้ำ ทั้งนี้เพราะ คอปเปอร์ซัลเฟต(จุ่นสี)ใช้ในการฆ่าเชื้อโรคและตะไคร้น้ำในสระว่ายน้ำได้เหมือนกันแต่ คอปเปอร์ซัลเฟตเป็นสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ดังนั้นเวลาที่เติมลงไปในสระว่ายน้ำ ต้องเติมอย่างเหมาะสมและต้องใช้อย่างระมัดระวัง โดยปกติ ค่า Cu2+ ในสระว่ายน้ำที่เหมาะสมอยู่ในช่วง 0.2 ถึง 0.8 ppm การใส่ คอปเปอร์ซัลเฟตในปริมาณที่สูง จะทำให้รองยาแนวของสระว่ายน้ำกลายเป็นสีน้ำตาล หรือดำ ตามหัว fitting และหัว main drain ให้ระวังเวลาเติม คอปเปอร์วซัลเฟตห้ามเติมพร้อมกับ แคลเซียมคลอไรด์หรือเกลือ เพราะถ้าใส่พร้อมกันในเวลาที่มีคนเล่นน้ำจะทำให้เกิดคราบสีเขียวขึ้นซึ่งจะไปติดที่ผมและพวกเสื้อผ้าได้ และไม่ควรจะใส่ คอปเปอร์ซัลเฟตพร้อมกับโซดาเอชหรือโซเดียมไบคาร์บอเนต เพราะจะทำให้น้ำขุ่นโดยปกติเราจะเติม คอปเปอร์ซัลเฟต 100 กรัม ต่อน้ำ 50 m3 ไม่ควรจะใช้ คอปเปอร์ซัลเฟตในถังกรองที่ใช้ผงกรอง D.E (Diatomaceous earth)เพราะจะทำให้ถังกรองตันเร็ว ในกรณีที่น้ำเขียวให้ควบคู่กับคลอรีนใช้ในกรณีที่ต้องการให้ถังกรองทรายแน่นเพิ่มขึ้น
ซิลเวอร์ซัลเฟต(Silver sulfate)
เป็นสารเคมีที่มีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าเชื้อโรคและตะไคร้น้ำและสามารถกำจัดกลิ่นได้ดี แต่เป็นสารเคมีที่มีราคาแพงจึงไม่ค่อยมีผู้นิยมใช้ในสระว่ายน้ำและหายาก
เปอร์แทสเซียมเปอเมนกาเนต(potassium permanganate)KMnO4
เป็นสารเคมีที่ใช้ในการฆ่าเชื้อโรคและตะไคร้น้ำในน้ำได้ดีเหมือนกัน แต่ KMnO4 เป็นสารที่ออกซิไดซ์ได้ดีมากมักทำปฏิกิริยาได้ง่ายกับไอออนต่างๆในสระว่ายน้ำ ทำให้น้ำเปลียนสีได้ง่ายและจะมีคราบติดได้ง่ายตามที่ต่างๆและราคาจะแพงด้วยจึงไม่ค่อยนิยมใช้กับสระว่ายน้ำ แต่สามารถใช้กับบ่อปลาได้ดี
โอโซน O3
แก๊สโอโซนเป็นตัวออกซิไดซ์ที่ดีนอกจากนี้จะไม่ตกค้างในน้ำ แก๊สโอโซนจึงเหมาะสมที่จะใช้ในการ
ฆ่าเชื้อโรคและตะไคร้น้ำในน้ำดื่ม หรือบ่อบำบัดน้ำเสีย แต่ในสระว่ายน้ำเราไม่ค่อยนิยมใช้เพราะแก๊สโอโซนจะมีกลิ่นช่วงที่ผลิตแก๊สโอโซนออกมาอีกอย่างช่วงที่ปั๊มหยุดการทำงานจะไม่มีการฆ่าเชื้อโรค ทำให้ตะไคร้น้ำสามารถรอดได้แล้วไปจับตามร่องยาแนวกล้ายเป็นจุดดำ แก๊สโอโซนควรเหมาะสมใช้กับบ่อปลาหรือตู้เลี้ยงปลา
แสง อุนตราไวโอเลต (UV)
แสงอุนตราไวโอเลต ใช้ในการฆ่าเชื้อโรคและตะไคร้น้ำได้ดีถ้ามีความเข้มข้นของแสงมากเกินพอ เพราะแสง อุนตราไวโอเลตจะไม่มีสารตกค้างในน้ำส่วนใหญ่ใช้ในระบบน้ำดื่มหรือบ่อปลานอกจากนี้แสงuv ยังไม่ทำให้เกิดกลิ่น แต่ระบบ uv ที่ใช้ในสระว่ายน้ำไม่ค่อยมีคนใช้เพราะค่าใช้จ่ายยังแพงอยู่ การใช้ uv ในสระว่ายน้ำ เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับคนที่มีอาการภูมิแพ้ทางสารเคมี ซึ่งเป็นทางเลื่อกหนึ่งที่ใช้กับสระว่ายน้ำได้ดีเพราะไม่มีสวนผสมของสารเคมีหลายชนิดในสระว่ายน้ำ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)